ปลูกข้าวหอมมะลิปีละ 2 ครั้ง?
เป็นที่กล่าวโดยทั่วไปในวงการเกษตรว่า "ข้าวหอมมะลิ" เป็นข้าวนาปีปลูกได้ครั้งเดียวเพราะมีคุณสมบัติ "ไวต่อช่วงแสงอาทิตย์" (Photosensitive) แต่ในมุมมองเชิงพาณิชย์ตลาดมีความต้องการสูง คำถามจึงอยู่ที่ ........ ปลูกปีละ 2 ครั้งได้หรือไม่

ถ้าวิเคราะห์เจาะลึกในคุณสมบัติทางดาราศาสตร์ในประเด็นที่ระบุว่าข้าวขาวดอกมะลิ 105 "ไวต่อช่วงแสงอาทิตย์" (Photosensitive) ก็แสดงว่าข้าวชนิดนี้สามารถตั้งท้องและออกดอกได้ในช่วง "กลางวันสั้น" (Short Day) ดังนั้นถ้าจัดช่วงการปลูกให้ดีก็ย่อมทำได้ปีละ 2 ครั้ง เนื่องจากภาคอีสานมีช่วงกลางวันสั้นตั้งแต่ 23 กันยายน (Autumnal Equinox) จนถึง 21 มีนาคม (Vernal Equinox)
ต้องยกเครดิตให้นักวิชาการเกษตรผู้มากด้วยประสบการณ์ชื่อ "อาจารย์เสถียร พรหมชัยนันท์" แห่งกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นผู้ริเริ่มปลูกข้าวหอมมะลินาปรังเชิงพาณิชย์ในภาคอิสานที่โคราชเมื่อปี 2547
ข้าวหอมมะลินาปรังเชิงพาณิชย์ ปลูกโดยวิธีหว่านวันที่ 8 มกราคม 2547 เก็บเกี่ยววันที่ 22 เมษายน 2547 ที่บ้านมะเกลือใหม่ ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน นครราชสีมา อาจารย์เสถียร พรหมชัยนันท์ (เสื้อสีแดง) และอาจารย์มนตรี คงตระกูลเทียน ประธานกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจรเครือเจริญโภคภัณฑ์ (เสื้อสีขาว)

ผมกับอาจารย์เสถียร พรหมชัยนันท์ ร่วมงานกันตั้งแต่ปี 2541
ดาราศาสตร์กับข้าวหอมมะลิ
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจศัพท์คำว่า "นาปี และนาปรัง" ว่าหมายถึงอะไร โดยทั่วไปนาปีหมายถึง "ฤดูฝน" ส่วนนาปรังหมายถึง "ฤดูแล้ง" แต่คำนี้เป็นเชิงวาทะกรรมที่กว้างๆให้มองภาพแบบรวมๆของฤดูกาล แต่ในทางดาราศาสตร์เราใช้ศัพท์คำว่า "วันที่มีช่วงแสงอาทิตย์สั้น" (short day) เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน จนถึงวันที่ 20 มีนาคม และ "วันที่มีช่วงแสงอาทิตย์ยาวยาว" (long day) เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม จนถึงวันที่ 22 กันยายน ส่วนวันที่ 21 มีนาคม และวันที่ 23 กันยายน เป็นปรากฏการณ์ "กลางวันเท่ากับกลางคืน" ภาษาดาราศาสตร์เรียกว่า "วิษุวัต" (equinox) ดังนั้นในบทความนี้ถ้าใช้คำว่า "นาปรัง" จึงหมายถึง "ช่วงวันสั้น" นะครับ
ผมทำงานร่วมกับท่านอาจารย์เสถียร พรหมชัยนันท์ ตั้งแต่ปี 2541 และรับหน้าที่อธิบายในด้านดาราศาสตร์ว่าทำไมข้าวหอมมะลิจึงสามารถเป็นข้าวนาปรังหรือปลูกรอบที่สองได้ เพราะปลูกในช่วงวันสั้น (Short Day) ให้ข้าวออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ท่านอาจารย์เสถียรฯให้วาทะกรรมเด็ดว่า ........ หว่านวันพ่อเก็บเกี่ยววันมาฆบูชา
กำหนดการปลูกข้าวหอมมะลิในช่วง "กลางวันยาวและกลางวันสั้น" ภาคอีสาน (เส้นรุ้ง 15 - 17 องศาเหนือ) ข้าวหอมมะลิสามารถตั้งท้องได้ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนจนถึงเดือนปลายเดือนกุมภาพันธ์
.jpg)
เปรียบเทียบช่วงแสงอาทิตย์ด้วยสุริยะปฏิทินกับการออกดอกของข้าวหอมมะลิปลูกช่วงวันสั้น

สุริยะปฏิทินแสดงให้เห็นชัดเจนว่าข้าวหอมมะลิตั้งท้องในช่วงวันสั้น (Short Day) เดือนกุมภาพันธ์และออกดอกต้นเดือนมีนาคม
ตัวอย่างการปลูกข้าวหอมมะลิครั้งที่สองในภาคอีสาน
กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจรเครือเจริญโภคพันธ์ุทำแปลงสาธิตข้าวหอมมะลินาปรังร่วมกับจังหวัดยโสธรและจังหวัดนครพนม โดยใช้ยุทธการ "หว่านวันพ่อ เก็บเกี่ยววันมาฆะบูชา"


อาจารย์เสถียร พรหมชัยนันท์เจ้าของยุทธการ "หว่านวันพ่อ เก็บเกี่ยววันมาฆบูชา" ที่บ้านท่าค้อ ต.ขุมเงิน อ.เมือง จ.ยโสธร ปี 2547

ใช้ยุทธการหว่านวันพ่อเก็บเกี่ยววันมาฆบูชา อ.เมือง จ.นครพนม ปี 2547 เมื่อครั้งที่ผมเป็นเกษตรและสหกรณ์จังหวัด
ให้ความรู้แก่นักศึกษาวิชาพืชศาสตร์ ม.ราชภัฏสกลนคร
พอผมบอกนักศึกษาว่าจะสาธิตการปลูก "ข้าวหอมมะลินาปรัง" ....... เด็กๆต่างทำท่าแปลกใจเพราะเขาเรียนตามตำราว่า "ข้าวหอมมะลิ" เป็นข้าวพันธ์ุไวต่อช่วงแสงปลูกได้เฉพาะนาปีเท่านั้น เลยต้องอธิบายกันยกใหญ่ว่าในความเป็นจริงโดยหลักวิชาการเราไม่มีคำว่า "นาปี หรือนาปรัง" มีแต่คำว่าปลูกข้าวในช่วงกลางวันยาว (long day) หรือกลางวันสั้น (short day) ข้าวพันธ์ุไวต่อช่วงแสงก็สามารถออกดอกได้ตลอดเวลาถ้าเป็นช่วงวันสั้น ....... อธิบายยังไงน้องเหล่านี้ก็ยังไม่เชื่อก็ต้องใช้วิธี "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น"

ปักดำในแปลงสาธิตที่สาขาวิชาพืชศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร ม.ราชภัฏสกลนคร วันที่ 25 ธันวาคม 2560

การเจริญเติบโตของข้าวหอมมะลิตั้งแต่ 9 มกราคม ถึง 2 มีนาคม 2561 (2018)

ภาพถ่ายวันที่ 2 มีนาคม 2561 ข้าวหอมมะลิกำลังออกดอก

ออกดอกปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2561 แต่แปลงนี้ถูกนกกินหมดไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ แต่ก็ได้ผลในด้านการให้ความรู้แก่นักศึกษาวิชาพืชศาสตร์
สรุป
1.ในเมื่อข้าวหอมมะลิเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากหากพื้นที่ในภาคอีสานที่มีน้ำชลประทานพร้อมและดินมีความเหมาะสมก็น่าจะปลูกข้าวหอมมะลิครั้งที่สอง
2.สามารถทำแปลงผลิต "เมล็ดพันธ์ุ" ได้อย่างดีเพราะไม่เสี่ยงต่อการผสมข้ามพันธ์ุกับข้าวชนิดอื่นๆเนื่องจากข้าวหอมมะลินาปรังมีอายุสั้นและออกดอกเร็วกว่าข้าวพันธ์ุอื่นๆ ประกอบกับสามารถจัดหาพื้นที่เฉพาะซึ่งไม่มีการทำนาในบริเวณนั้น และหากต้องการจะทำโครงการผลิตเมล็ดพันธ์ุในรูปแบบ "อินทรีย์" ก็สามารถทำได้ด้วยการบริหารจัดการดิน - น้ำ และพื้นที่ปลูกให้แยกอย่างเด็ดขาดจากการเพาะปลูกทั่วๆไป
3.ปัญหาของข้าวนาปรังที่ต้องระวังมากที่สุดคือ "บรรดาปักษี" ที่จะรุมกินจนอย่างเอร็ดอร่อยจึงต้องมีมาตรการที่เหมาะสม