ท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ "โสมสูตร" ที่ปราสาทขอมในกัมพูชาหายไปไหนหมด?........ แต่ทำไมยังคงปรากฏหลายแห่งในประเทศไทย
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/ขึ้นปก.jpg)
ผมตั้งคำถามกับนักวิชาการที่กัมพูชา คุยกับอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย ค้นคว้าเอกสารจำนวนมาก ไม่พบเรื่องราวของปรากฏการณ์นี้ นักวิชาการหลายท่านที่ผมได้พูดคุยด้วยแสดงความประหลาดใจว่าท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ "โสมสูตร" ที่ใช้ในการประกอบพิธีได้หายไปจากปราสาทขอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราสาทของศาสนาฮินดู ที่เมืองเสียมราช ประเทศกัมพูชาจริงหรือ ?
ในทางตรงกันข้ามยังคงพบเห็นท่อโสมสูตรที่ปราสาทขอมหลายแห่งในประเทศไทย ........... มันเป็นไปได้อย่างไรที่นครหลวงของอาณาจักร์อังกอร์ในอดีตจะไร้อุปกรณ์สำคัญในการทำพิธีทางศาสนาของบุคคลชั้นสูง ......... ก็ไหนบอกว่าปราสาทขอมในประเทศกัมพูชาเป็นต้นแบบของปราสาทในประเทศไทย เรื่องนี้ไม่ได้ล้อเล่นครับตามผมมาแล้วท่านจะทราบว่า "มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ"
ท่านๆที่เป็นแฟนคลับของเว้ปไซด์นี้คงทราบดีว่ามุมมองในเรื่องโบราณคดีและประวัติศาสตร์ของผมอาจจะออกนอกกรอบตำราทั่วไป เพราะผมชอบตั้งคำถามแบบ "พนักงานสอบสวน" และพยายามค้นหาหลักฐาน วัตถุพยาน มาอิงกับข้อสมมุติฐานในเชิงตรรกของความน่าจะเป็น เพื่อเขียนสำนวนให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเปรียบเหมือนการสู้คดีในศาลผมต้องปูเรื่องให้ศาลรับฟ้องแต่เมื่อถึงตอนตัดสินผมอาจจะชนะหรือแพ้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การค้นคว้าเรื่องนี้ไม่ง่ายครับเพราะยังไม่เคยเห็นเอกสารหรืองานวิจัยอื่นๆมาก่อน พูดง่ายๆว่า "ผมเปิดคดีใหม่ที่ยังไม่เคยมีการไตร่สวนมาก่อน"
อย่างไรก็ตามผมก็ต้องใช้วิธีเชื่อมโยงข้อมูลเท่าที่หาได้ ประกอบกับวัตถุพยานที่ยังคงปรากฏตามปราสาทต่างๆ บวกกับจิตนาการในเชิงของความน่าจะเป็น .......... ท่านที่เคารพครับและนี่ก็คือผลงานค้นคว้าของผม ........ ถูกผิดอย่างไรขึ้นอยู่กับการตัดสินของท่าน
สำรวจปราสาทขอมที่เมือง Siem Reap ประเทศกัมพูชา
ผมเก็บตัวอย่างปราสาทขอมชื่อดังและปราสาทเล็กๆประเภทโนเนมและไม่อยู่ในสายตาของนักท่องเที่ยว จำนวน 36 แห่ง มีการถ่ายภาพและเดินสำรวจด้วยตนเองหลายครั้ง Siem Reap เป็นเมืองที่ผมต้องไปร่วมประชุม สัมมนากับองค์กรระหว่างประเทศในเรื่องของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำหลายครั้ง และทุกครั้งที่ไปผมจะขออยู่ต่อโดยเสียค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อศึกษาข้อมูลโบราณคดีตามปราสาทต่างๆ ครั้งสุดท้ายที่ไปคือเดือนพฤศจิกายน 2557 ไปที่นั่น 2 ครั้ง ว่าจ้างรถสามล้อเครื่องที่เป็นญาติของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ให้เป็นทั้งล่ามและไกด์นำทาง ลุยสำรวจปราสาทขอมตั้งแต่รุ่นแรกๆที่ Rolous เช่น ปราสาทพระโค ปราสาทโลเล่ย ปราสาทบากอง และปราสาทชื่อดังใน Siem Reap เช่น ปราสาทต่างๆที่อยู่ในเมืองนครธม ปราสาทนครวัด ปราสาทพนมบาเค็ง รวมทั้งปราสาทโนเนมที่ไม่อยู่ในสาระบบของนักท่องเที่ยว เช่น ปราสาทโกรโค ปราสาทไพร ปราสาทพระพิธู
ผลของการสำรวจไม่พบว่ามีท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แม้แต่แท่งเดียว พบแต่ศิวะลึงค์เก่าๆและโยนีหักๆวางอยู่ในปราสาท หรือไม่ก็ทิ้งอยู่ตามข้างสนามหญ้าข้างๆปราสาท แต่เมื่อค้นคว้าทางเอกสารพบว่า "แปลนปราสาทขอมดั่งเดิม" มีการกำหนดแนวของท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไว้ชัดเจน และยังมีเอกสารอธิบายว่าอยู่ที่ผนังด้านทิศเหนือของปราสาท เช่น เอกสารนำเที่ยวของปราสาท Ta Phrom Kel เป็นอะโรคยาศาล ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของปราสาทนครวัด ขณะเดียวกันเอกสารจำนวนมากก็อธิบายว่าท่อโสมสูตรเป็นอุปกรณ์ส่วนควบของศิวะลึงค์และโยนี ใช้ในการประกอบพิธีของบุคคลชั้นสูงโดยให้พราหมณ์เทน้ำลงไปบนแท่งศิวะลึงค์ให้ไหลลงไปที่โยนี "กลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์" และไหลออกไปสู่ข้างนอกตัวปราสาทผ่านท่อโสมสูตร เพื่อให้ราษฏรตาดำๆอย่างเราๆท่านๆที่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในตัวปราสาท สามารถรับน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปบูชาที่บ้าน
คำถาม "ท่อโสมสูตร" หายไปไหน ?
พิธีราชาภิเศกของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เป็นต้นแบบของ "กษัตริย์สมมุติเทพ หรือ เทวราชา"
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/แปลนปราสาท 2 .jpg)
แปลนปราสาทขอมระบุท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ทางด้านทิศเหนืออย่างชัดเจน
ปราสาทรุ่นเก่าตั้งแต่สมัยอาณาจักรเจนละ
นักโบราณคดีทราบดีว่าอาณาจักรขอมมีความเป็นมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรฟูนัน คศ. 68 - 550 โดยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากอินเดีย และส่งไม้ต่อให้อาณาจักรเจนละ ค.ศ. 550 - 802 ในที่สุดก็มาลงตัวที่อาณาจักรอังกอร์ อย่างไรก็ตามการก่อสร้างปราสาทรุ่นแรกๆที่เห็นเป็นรูปร่างและยังคงปรากฏอยู่ทุกวันนี้ก็ได้แก่ "ปราสาทที่สัมบอร์ ไพรคุก" (Sambor Prei Kok) ห่างจากตัวเมืองกัมปงธมราว 30 กม. ส่วนที่ประเทศไทยคือปราสาท "ภูมิโปน" ที่จังหวัดสุรินทร์ เป็นปราสาทเก่าที่สุด
ที่ผมต้องหยิบยกเรื่อราวของอาณาจักรเจนละขึ้นมาก็เพราะมีประเด็นน่าสนใจตรงที่ "ทำไมปราสาทต้นแบบ Sambor Prei Kok เมืองกัมปงธม ประเทศกัมพูชา จึงไม่ปรากฏร่องรอยของท่อโสมสูตร" ทั้งๆที่มีอุปกรณ์ส่วนควบครบครันได้แก่ "ศิวะลึงค์และโยนี" ขณะที่ปราสาทร่วมสมัยอย่าง "ปราสาทภูมิโปน" ที่จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย มีท่อโสมสูตรอยู่ที่ผนังด้านทิศเหนือเห็นได้ชัดเจน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/Slide1.jpg)
ปราสาทภูมิโปน จังหวัดสุรินทร์ กับปราสาทที่สัมบอร์ ไพร์คุก อยู่ร่วมสมัยเดียวกันเมื่อครั้งอาณาจักรเจนละ ราวพุทธศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะเกิดอาณาจักรอังกอร์
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/Slide2.jpg)
ด้านทิศเหนือของปราสาทภูมิโปน มีท่อโสมสูตรมองเห็นได้ชัดเจน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/Slide3.jpg)
แต่ที่ปราสาทสัมบอร์ ไพรคุก ใกล้ๆกับเมืองกังปงธม ประเทศกัมพูชา มีแต่ฐานโยนี แต่ไม่มีร่องรอยของท่อโสมสูตร สังเกตได้ว่าผนังด้านทิศเหนือที่ตรงกับทางน้ำไหลของฐานโยนีไม่มีร่องรอยของท่อโสมสูตร
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/Slide4.jpg)
เปรียบเทียบภาพถ่ายผนังด้านทิศเหนือของปราสาทสัมบอร์ ไพรคุก "ไม่ปรากฏท่อโสมสูตร" แต่ที่ผนังด้านทิศเหนือของปราสาทภูมิโปน มองเห็นท่อโสมสูตรชัดเจน
เปรียบเทียบภาพถ่ายท่อโสมสูตรที่ผนังด้านทิศเหนือของปราสาทภูมิโปน ประเทศไทย (ซ้ายมือ) กับปราสาทสัมบอร์ ไพรคุก ประเทศกัมพูชา (ขวามือ) ไม่ปรากฏร่องรอยท่อโสมสูตร อย่างไรก็ตามผมยังไม่ได้ไปที่ปราสาทสัมบอร์ ไพรคุก หลังนี้ด้วยตนเองจึงได้เพียงให้ความเห็นตามภาพถ่ายที่หาได้ หากผมไปที่นั่นในอนาคตจะไปสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง
อนึ่ง ในกรณีของปราสาทหลังนี้มีนักวิชาการท่านผู้รู้ได้แจ้งให้ผมทราบว่า "ที่นี่มีท่อโสมสูตร" อย่างชัดเจน ก็ต้องขอบพระคุณในข้อมูล และก็ทำให้เกิดประเด็นที่คิดต่อไปว่า "ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองหลวงอังกอร์" เมื่อเปรียบเทียบกับปราสาทรุ่นเก่าๆได้แก่ปราสาทพระโคที่ "โลเล่ย" บริเวณใกล้ๆอังกอร์ "ไม่พบท่อโสมสูตร" ก็ทำให้มีข้อน่าสงสัยมากขึ้น
ปราสาทในยุคอาณาจักรอังกอร์
พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ได้รวบรวมอาณาจักรเจนละและสถาปนาอาณาจักรอังกอร์ขึ้นมาใน ค.ศ.802 จากนั้นได้มีการก่อสร้างปราสาทขึ้นครั้งแรกที่ภูเขาพนมกูเลน ต่อมาก็ย้ายมาสร้างที่โลเล่ย และเสียมเรียบ ตามลำดับ ปราสาทรู่นแรกๆก็ได้แก่ ปราสาทพระโค ปราสาทโลเล่ย และปราสาทบากอง หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยปราสาทจำนวนมากดังที่เห็นในปัจจุบัน ผมค้นเอกสารต่างๆของกัมพูชาเพื่อหาเรื่องราวของ "ท่อโสมสูตร" ก็พบว่ามีการกล่าวถึงอย่าชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรที่ "ปราสาทตาพรมเกล" เป็นอโรคยาศาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของปราสาทนครวัด ผมไปสำรวจที่นั่นเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2557 เดินหาท่อโสมสูตรตามที่ระบุในเอกสารจนเมื่อยก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอย จึงตั้งคำถามว่า...... เกิดอะไรขึ้นที่นี่
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/Slide002(1).jpg)
เอกสารนำเที่ยวของปราสาท Ta Phrom Kel ก็ระบุว่ามีท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (Somasutra)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/Slide1(2).jpg)
ภาพถ่ายประตูหลอกด้านทิศเหนือของปราสาทตาพรมเกล ไม่ปรากฏร่องรอย "ท่อโสมสูตร" แม้แต่เงา
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/Slide003(1).jpg)
ผมเดินหาท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ปราสาท Ta Phrom Kel จนเมื่อยก็ไม่พบแม้แต่วี่แวว
ปราสาทชื่อดังๆที่นักท่องเที่ยวรู้จักดีก็ไม่มีท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ "โสมสูตร" แม้แต่แห่งเดียว ผมมีภาพถ่ายผนังด้านทิศเหนือของปราสาทตรงกับโยนี ปรากฏว่าเป็นผนังทึบไม่มีร่องรอยของท่อโสมสูตรแม้แต่นิดเดียว และปราสาทที่หลายแห่งที่โยนีหันไปทางประตู เช่น ปราสาทพระขันฑ์ และปราสาทชื่อดังๆที่อยู่ในโปรแกรมของทัวร์ ก็ไม่พบท่อโสมสูตร ดังตัวอย่างในภาพข้างล่าง
Prasat Kravan
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/กระวาน 1.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/กระวาน 2.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/กระวาน 3.jpg)
Prasat Ta Som
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/ตาสม.jpg)
Prasat Bayon
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/บายน.jpg)
สำหรับกรณีของปราสาทบายน มีท่านผู้รู้ได้ให้ข้อมูลและส่งภาพให้ดูว่าปราสาทหลังนี้มีท่อโสมสูตรชัดเจน ต้องขอบพระคุณในข้อมูล ผมจึงนำไปตั้งข้อสังเกตไว้ในบทสรุปท้ายบท
Prasat Prey Rup
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/แปรรูป 1.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/แปรรูป 3.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/แปรรูป 4.jpg)
Prasat Phra Khan
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/พระขันฑ์.jpg)
Prasat Phra Ko
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/Slide3(1).jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/Slide2(1).jpg)
Prasat Phnom Bakeng
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/Slide010.jpg)
ปราสาทขอมหลายแห่งในประเทศไทย ปรากฏท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ "โสมสูตร" อย่างชัดเจน ดังตัวอย่าง
ปราสาทนารายณเจงเวง สกลนคร
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/นารายณ์เจงเวง.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/นารายณ์เจงเวง 2 .jpg)
ปราสาทภูเพ็ก สกลนคร
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/ภูเพ็ก.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/ภูเพ็ก 2 .jpg)
ปราสาทตาเมือนธม สุรินทร์ และปราสาทพนมรุ้ง บุรีรัมย์
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/พนมรุ้ง ตาเมือนธม.jpg)
ปราสาทพิมาย โคราช
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/พิมาย.jpg)
ปราสาทสด๊อก๊อกธม สระแก้ว
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/สด๊อก๊อกธม.jpg)
ปราสาทภูมิโปน สุรินทร์ เป็นปราสาทขอมเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/ภูมิโปน สุรินทร์.jpg)
พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม ก็มีท่อโสมสูตร เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรพบขณะที่กำลังขุดฐานรากเพื่อสร้างพระธาตุองค์ใหม่เมื่อปี 2518 ผมได้ภาพนี้มาจากท่านเจ้าอาวาทเมื่อปี 2546 ขณะนั้นผมเป็นเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม มีความคุ้นเคยกับท่านเจ้าอาวาส ดร.มหาสม ซึ่งจบการศึกษาปริญญาเอกจากอินเดีย ผมกับท่านจึงคุยกันง่ายในฐานะศิษย์เก่าอินเดียด้วยกัน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/ธาตุพนม 2 .jpg)
เกิดอะไรขึ้นกับท่อโสมสูตรที่ปราสาทขอมในประเทศกัมพูชา
ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ "เกิดไม่ทันครับ" โอ้ .... ขออภัยครับผมไม่ใช่คนขวานผ่าซากแบบนั้น ผมมีข้อสมมุติฐานแบบส่วนตัวที่ได้มาจากการค้นคว้าเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับวัตถุพยานที่ปรากฏเบื้องหน้า และจินตนาการเชิงตรรกที่ว่าด้วยความน่าจะเป็น ดังนี้
พิจารณาจากปราสาทขอมในประเทศไทยที่ "มี และไม่มี" ท่อโสมสูตร ผมเชื่อว่าปราสาทที่มีท่อโสมสูตรเป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีของชนชั้นสูงที่ปกครองในเมืองนั้นๆ เช่น ปราสาทพิมาย ปราสาทสด๊อกก๊อกธม ปราสาทนารายณ์เจงเวง ปราสาทภูเพ็ก ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทภูมิโปน เป็นต้น ส่วนปราสาทที่ไม่มีท่อโสมสูตรเป็นปราสาทธรรมดาทั่วไปที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของบุคคลชั้นสูงท่านนั้นๆ ข้อสมมุติฐานนี้กินความถึงปราสาทขอมที่อยู่ในประเทศกัมพูชาก็น่าจะมีวัตถุประสงค์เดียวกัน เพราะในยุคขอมเรืองอำนาจปราสาททั้งหมดนี้อยู่ในพระราชอาณาจักรเดียวกัน และบรรพชนในยุคนั้นก็ไม่ทราบว่าอีกพันปีข้างหน้าลูกหลานของท่านจะ "แบ่งแผ่นดิน" ออกเป็นประเทศไทย กัมพูชา และลาว
ดังนั้น ปราสาทขอมหลายแห่งที่นครหลวง "อังกอร์" ปัจจุบัน "Siem Reap" ก็ต้องเคยมี "ท่อโสมสูตร" เป็นส่วนหนึ่งของการประกอบพิธีสำคัญของบุคคลชั้นสูง แต่ต่อมาเมื่อศาสนาพุทธนิกาย "เถรวาท" (Therevada Buddhisim) เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นตั้งแต่ปลายรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และมีอำนาจสูงสุดร้อยปีต่อมาในระยะสุดท้ายของอาณาจักรอังกอร์ ทำให้ความเชื่อของผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นปกครองเปลี่ยนไปจาก "เทวราชา" ไปเป็นการนับถือ "ศาสนพุทธเถรวาทแบบลังกา" ท่อโสมสูตรจึงหมดความหมาย และถูกรื้อทิ้งออกไปจากปราสาท เหลือไว้เพียงศิวะลึงค์และโยนีเท่านั้น เรื่องทำนองนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชสมัยของพระบามสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์นับถือพุทธเถรวาสอย่างเคร่งครัดจึงโปรดให้ยกเลิกพิธีพราหมณ์ เช่น การโล้ชิงช้า การทำพิธีจรดพระนังคัลแลกนาขวัญ และหันมาประกอบพิธีพุทธแบบเถรวาท ต่อมาเมื่อถึงสมัยของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ ปี 2503 ก็มีนโยบายให้นำพิธีจรดพระนังคัลแลกนาขวัญกลับมาอีก
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/พนมทีต.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/พนมทีต 2 .jpg)
ท่อโสมสูตรที่ Prasat Phnom Theat ที่เมือง Stung Treng ถูกรื้ออกมาจากตัวปราสาทและวางทิ้งอยู่ในป่า
ผมมีคำอธิบายเหตุผลการรื้อทิ้งท่อโสมสูตร ดังนี้
1.พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงมีนโยบายเปลี่ยนแนวคิดจาก "เทวะราชา" ให้เป็น "พุทธราชา" ดังจะเห็นได้ว่าปราสาทและสิ่งก่อสร้างต่างๆของท่านเอื้อต่อการเข้าถึงของประชาชนตาดำๆทั่วไป ดังตัวอย่าง "ปราสาทบายน" ไม่มีกำแพงกั้นรอบตัวปราสาท และมีการจารึกเรื่องราวชีวิตประจำวันของประชาชนทั่วไป เช่น การทำมาค้าขาย การหาอยู่หากิน การตีไก่ การล่าสัตว์ ผิดกับปราสาทสมัยก่อนๆที่เข้าถึงได้เฉพาะพราหมณ์และบุคคลชั้นสูงและก็จารึกเฉพาะเรื่องราวของกษัตริย์ พระองค์สร้างโรงพยาบาลและที่พักคนเดินทางให้ประชาชนได้ใช้อย่างเสรี และที่เห็นจะมีน้ำหนักมากก็ตรงที่พระองค์ส่งราชบุตรชื่อ "ธรรมรินทร์" (Tamalinda) ไปบวชพระที่ศรีลังกาเป็นเวลา 10 ปี เพื่อให้ซาบซึ้งในศาสนาพุทธนิกาย "เถรวาท" เมื่อพระธรรมรินทร์กลับมาที่นครหลวงอังกอร์ในปี 1190 ก็ได้เริ่มตั้งสำนักสงฆ์เถรวาสในพระราชวัง ดังนั้นแม้ว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน แต่พระองค์ก็สนับสนุนให้ราชบุตรเป็นผู้นำศานาพุทธนิกายเถรวาท
2.บันทึกของราชฑูตจีนที่ชื่อ จูต้ากวน ซึ่งมาเจริญสัมพันธไมตรีระหว่าง ค.ศ.1296 - 1297 ระบุว่าเห็นพระสงฆ์ห่มจีวรสีเหลืองจำนวนมากในนครหลวงอังกอร์ ขณะเดียวกันก็ยังมีพราหมณ์ฮินดูอยู่ในสำนักของเขาเหล่านั้น ขณะเดียวกันเอกสารประวัติศาสตร์ของกัมพูชาก็ระบุว่าตั้งแต่ศริตศวรรษ ที่ 13 เป็นต้นมาศาสนาพุทธนิกายเถรวาทก็กลายเป็นศาสนาประจำชาติ
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/จูต้ากวน.jpg)
บันทึกของจูต้ากวนเป็นเอกสารที่นักโบราณคดีทั่วโลกยอมรับว่ามีความสำคัญต่อการอธิบายเรื่องราวของเมืองอังกอร์
3.ปราสาทปาปวนซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าอาทิตย์อุทัยวรมันที่ 2 เป็นศาสนาสถานฮินดู ต่อมาในปลายยุคของอาณาจักรอังกอร์ ได้ถูกดัดแปลงเป็นศาสนสถาน "พุทธเถรวาท" โดยรื้อก้อนหินจากยอดปราสาทมาสร้างเป็น "พระพุทธรูปปางไสยาสน์" ที่ด้านทิศตะวันตกของตัวปราสาท แสดงถึงอิทธิพลของศาสนาพุทธเถรวาท และเป็นวัตถุพยานยืนยันว่าการดัดแปลงสิ่งก่อสร้างใหญ่ขนาดนี้เขาทำได้ ทำไมการรื้อทิ้ง "ท่อโสมสูตร" แท่งนิดเดียวจะทำไม่ได้
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/ปาปวน 1.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/ปาปวน 2 .jpg)
4.ปราสาท Phra Pitu หมายเลข X มีภาพจารึกของพระพุทธรูปนิกายเถรวาทอย่างชัดเจน ซึ่งต่างจากปราสาทขอมหลังอื่นๆ ในเมืองนครธม
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1433019324/พระพิธู 2 .jpg)
สรุป
ผมในฐานะส่วนตัวเชื่อว่า "ท่อโสมสูตร" ที่ประเทศกัมพูชาถูกรื้อทิ้งก็เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงความเชื่อจากศาสนาเดิมคือฮินดู และพุทธมหายาน มาเป็นพุทธเถรวาท และถ้าท่านจะถามว่าแล้วท่อโสมสูตรที่ปราสาทขอมในประเทศไทยทำไมยังคงปรากฏอยู่เต็มตาละ คำตอบก็น่าจะ "เราอยู่ไกลจากเมืองหลวง" อิทธิพลในความเชื่อการต่อต้านอาจไม่รุนแรงนัก ขณะเดียวกันตอนที่ศาสนาพุทธเถรวาทเริ่มมีอิทธิพลในนครหลวงอังกอร์อำนาจการปกครองจากส่วนกลางก็เริ่มอ่อนล้า ภาษาหมัดมวยอาจเรียกว่าแค่ประคองเอาตัวรอดให้ครบยกก็บุญแล้ว และเมื่อกรุงศรีอยุธยาเริ่มมีอำนาจขึ้นมาครอบครองดินแดนในแถบประเทศไทยปัจจุบัน กษัตริย์ของอยุธยายังคงนิยมความเชื่อ "เทวะราชา" และมีพราหมณ์เป็นที่ปรึกษาอยู่ในราชสำนักเรียกว่า "ท่านปุโรหิต" ท่อโสมสูตรจึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อ และนี่ก็เป็นมรดกตกทอดมาถึงเราๆท่านๆในปัจจุบันที่เป็นลูกครึ่งพุทธเถรวาทผสมพราหมณ์ฮินดู มิน่าเล่านักการเมืองใหญ่ๆในบ้านเมืองจึงต้องพึ่งพิธีกรรมที่หนีไม่พ้น "ท่านพราหมณ์" ซึ่งมีทั้งพิธีบวงสรวงก่อนเข้าทำงานในกระทรวง และพิธีต่ออายุและตัดกรรมตอนหมดอำนาจ .......... และที่สุดของที่สุด "ปลัดขิก" ศิวะลึงค์ขนาดมินิ ก็ยังเป็นเครื่องรางยอดนิยมของชายไทยจำนวนไม่น้อย
อนึ่ง ตามมีผู้รู้ท่านหนึ่งให้ข้อมูลกับผมทาง Facebook ว่า "ปราสาทบายน" ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งเป็นศาสนาพุทธมหายาน "มีท่อโสมสูตรอย่างชัดเจน" ต้องขอขอบพระคุณอย่างสูงในข้อมูลนี้ และทำให้ผมคิดเปรียบเทียบกับกับปราสาทฮินดู ชื่อดังๆ เช่น ปราสาทกราวาน ที่มีฐานโยนีชัดเจนทุกห้อง "แต่ไม่มีท่อโสมสูตร" ท่านผู้รู้ท่านนี้อธิบายต่อไปอีกว่าปราสาทที่สร้างด้วยอิฐเผาไม่ค่อยจะแนบเนื้อกับท่อโสมสูตรที่เป็น "หินทราย" และอาจจะเสียหายได้ง่ายจึงได้ถอดเอาไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถาน
ประเด็นนี้จึงต้องวิเคราะห์กันต่อไป ...... ทำไมปราสาทพุทธอย่าง "บายน" มีท่อโสมสูตร ....... แต่ปราสาทฮินดูอย่าง "กราวาน" ไม่มี........?