เมือง "สารนาท" ที่มาแห่งวันอาสาฬหบูชา
เชื่อว่าชาวพุทธโดยทั่วไปมีความรู้และความเข้าใจต่อความสำคัญตลอดจนที่มาของวัน "อาสาฬหบูชา" เป็นอย่างดี ผมคงไม่ต้องเอามะพร้าวมาขายให้ชาวสวน แต่สิ่งที่อยากจะเล่าให้ท่านๆที่เป็นแฟนคลับของ www.yclsakhon.com ฟังก็คือเรื่องราวในแง่มุมทางด้านโบราณคดี ดาราศาสตร์ และประวัติศาสตร์ของเมืองสารนาท รัฐอุตตาละประเทศ ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นที่มาของวันอาสาฬบูชา
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide25.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide25.jpg)
เรื่องราวโบราณคดีของเมืองสารนาท ต้องยกเครดิตให้ท่านนายพล "อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม" (Major General Alexander Cunnigham) ผู้ก่อตั้งกรมสำรวจโบราณคดีของประเทศอินเดีย ท่านผู้นี้เป็นนายพลของกองทัพบกอังกฤษประจำการอยู่ในประเทศอินเดีย เป็นทหารช่างและนักโบราณคดี เมื่อปลดเกษียณจากราชการทหาร ค.ศ.1861 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสำรวจโบราณคดี ท่านเกิดเมื่อ ค.ศ. 1814 และเสียชีวิตปี ค.ศ.1893 เป็นผู้ค้นพบและบูรณะโบราณสถานที่ตั้งของ "สถูปดาเม็ก" (Dhamek Stupa) ภาพที่เห็นในปัจจุบันสูง 43.6 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 28 เมตร สร้างราวปี ค.ศ.500 หรือ พ.ศ.1043 เพื่อทดแทนสถูปของเดิมสร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อ 249 ปี ก่อนคริสตกาล หรือ พ.ศ.294 เป็นที่ประดิษฐานอัฐิของพระพุทธเจ้าและบรรดาสานุศิษย์องค์สำคัญต่างๆ บริเวณใกล้ๆกันมีเสาหินของพระเจ้าอโศกมหาราช สลักเรื่องราวของสถานที่แห่งนี้
ท่านนายพลอเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ผู้ก่อตั้งกรมสำรวจโบราณคดีอินเดีย เป็นผู้ค้นพบและบูรณะโบราณสถานบริเวณสถูปดาเม็ก
พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์มูรยะ 272 - 232 ปี ก่อนคริตกาล ได้ทรงสร้างอนุสรณ์สถาน ณ เมืองสารนาท รัฐอุตตาละประเทศ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ของ "การเทศนาครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์" ณ ป่าอิสิปตมฤคทายวัน เมืองพาราณาสี แคว้นมคธ (ชื่อในยุคนั้น) พระองค์ได้สร้างสถูป อาคารประกอบ และที่สำคัญมีเสาหินสูง 15.25 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางที่ฐาน 0.71 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางที่ยอด 0.56 เมตร มีจารึกเป็นภาษาพราหมีกล่าวว่า "ผู้ใดจะก่อความแตกแยกในหมู่สงฆ์ไม่ได้" เสาหินแท่งนี้ถูกทำลายแตกเป็นท่อนๆโดยกองทัพจากตุรกีที่เข้ามายึดครองดินแดนอินเดียตอนเหนือ ในช่วงคริตศตวรรษที่13 - 16 ส่วนยอดของเสาหินเป็นรูปสิงห์สี่หัวและมีพระธรรมจักรที่ฐาน มีความหมายว่า "คำสอน" ของพุทธองค์จะแผ่ไพศาลไปทั้งสี่ทิศ และกงล้อ 24 ซี่ หมายถึงคำสอนจะเคลื่อนที่ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืนไม่มีวันหยุด ปัจจุบันเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเมืองสารนาท (Sarnath Museum) ผมได้เข้าไปชมแล้วแต่ทางการของรัฐห้ามถ่ายรูปในนั้น ได้เพียงถ่ายภาพจากภายนอก
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide2.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide1(2).jpg)
พิพิธภัณฑ์แห่งเมืองสารนาท ตั้งอยู่ใกล้บริเวณโบราณสถานแห่งสถูปดาเม็ก ตั้งแสดงโบราณวัตถุจากยุคราชวงศ์มูรยะมากมาย และมีพระพุทธรูปศิลปะ "มธุรา" ซึ่งเป็นอันเดียวกันกับพระพุทธรูปที่วิหาร "พุทธคยา"
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide11.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide11.jpg)
ส่วนยอดของเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช ตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์เมืองสารนาท รูปพระธรรมจักรแสดงวงล้อ 24 ซี่ กลายเป็นสัญลักษณ์ของธงชาติอินเดีย และสิงห์สี่หัวเป็นตราของรัฐบาลอินเดีย
ตามเรื่องราวในพุทธประวัติสถานที่แห่งนี้เป็นป่าชื่อ "อิสิปตมฤคทายวัน" แปลว่าที่อยู่ของฤาษี มาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤต "อิสิ" แปลว่า "ฤาษี" เมื่อครั้งที่พุทธองค์ยังไม่ได้ตรัสรู้ก็เคยมาปฏิบัติตนบำเพ็ญเพียรเพื่อค้นหาสัจธรรมร่วมกับฤาษีห้าท่านแต่ไม่สำเร็จ ท่านจึงแยกตัวออกมุ่งหน้าสู่ป่าอุรุเวลาเสนานิคม ริมแม่น้ำเนรัญชรา แคว้นมคธ มีระยะทางห่างกับประมาณ 212 กม. ณ ที่นี่พระองค์สามารถบรรลุถึงขั้นตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ ในคืนวันเพ็ญเดือนหก
ระยะทางจากป่าอิสิปตมฤคทายวัน เมืองพาราณาสี ไปยังป่าอุรุเวลาเสนานิคม ริมแม่น้ำเนรัญชรา แคว้นมคธ ห่างกันประมาณ 212 กม.
ที่มาของชื่อ "อาสาฬหบูชา"
"อาสาฬ" เป็นชื่อกลุ่มดาวกฤษ์คนยิงธนู (Constellation Sagittarius) และชาวอินเดียโบราณให้ชื่อว่า "นักษัตรอาสาฬ" (Naksatra Ashadha) ชาวพุทธเชื่อว่าวันที่พุทธองค์ได้เทศนาสั่งสอนฤษีทั้งห้า ณ ป่าอิสิปตมฤรรคทายวัน ตรงกับปรากฏการณ์ดวงจันทร์คืนวันเพ็ญอยู่ในกลุ่มดาวนี้ จึงได้ชื่อว่า "อาสาฬหบูชา" (Asalha Puja)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide2(1).jpg)
ชื่อ "อาสาฬหบูชา" มาจากปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ ดวงจันทร์เข้าไปอยู่ใน "นักษัตร อาสาฬ" (Naksatra Ashadha) ตามความเชื่อในตำราโหราศาสตร์ของอินเดีย (Hindus Astrology) นักดาราศาสตร์เรียกว่า "กลุ่มดาวฤกษ์คนยิงธนู" (Constellation Sagittarius)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Asadha Puja Sagittarius.jpg)
อาสาฬหบูชา พ.ศ. 2559 (ค.ศ.2016) ตรงกับวันอังคารที่ 19 กรกฏาคม รัฐบาลท่านใจดีจึงประกาศให้วันจันทร์ที่ 18 กรกฏาคม เป็นวันหยุดพิเศษเพราะไม่งั้นบรรดาคนทำงานทั้งราชการและเอกชนจะใช้สูตร "ลา 1 ได้ 5" เพราะวันที่ 16 - 17 เป็นเสาร์ - อาทิตย์ และวันที่ 19 - 20 เป็นวันอาสาฬหบูชา - เข้าพรรษา วันจันทร์ที่ 18 กรกฏาคม จึงถูกแซนวิสระหว่างวันหยุด ....... ดังนั้นคิดสาระตะแล้วแถมฟรีอีก 1 วันไปเลย
หลังจากพระองค์ตรัสรู้แล้วได้ย้อนกลับไปหาฤาษีทั้งห้าคนที่ป่าอิสิปตมฤคทายวัน เพื่อเทศนาให้เห็นธรรมที่ทรงตรัสรู้ และฤาษีหนึ่งในนั้นคือท่านโกณฑัญญะสามารถบรรลุโสดาบันเป็นพระสงฆ์องค์แรกของศาสนาพุทธ ชาวพุทธในปัจจุบันเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "พระรัตนตรัยครบองค์สามสมบูรณ์" เป็นครั้งแรกของโลก
บริเวณป่าแห่งนี้เป็นเขตอภัยทานแก่สัตว์ทั้งหลาย จึงมีฝูงกวางจำนวนมากใช้ชีวิตอย่างอิสระไม่มีผู้ใดรังแก ปัจจุบันรัฐบาลท้องถิ่นได้อนุรักษ์กวางไว้จำนวนหนึ่งเพื่อรำลึกถึงครั้งพุทธกาล
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide24.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide24.jpg)
ฝูงกวางเหล่านี้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากทางการท้องถิ่นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งป่าอิสิปตมฤคทายวัน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide06.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide06.jpg)
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นบริเวณที่เคยเป็นป่าอิสิปตมฤคทายวัน มองเห็นสถูปดาเม็กอย่างชัดเจน
ทางการอินเดียได้บูรณะสถานที่แห่งนี้อย่างจริงจังภายใต้ความรับผิดชอบของกรมสำรวจโบราณคดีแห่งชาติ (Archaeological Survey of India) ซากวิหารจึงปรากฏต่อสายตาของสาธารณะอีกคำรพหนึ่ง
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide19.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide19.jpg)
ป้ายชี้ทางเดินไปยังวิหาร Panchaytan ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งพุทธองค์เทศนาแก่ปัญจวัคคีย์
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide21.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide21.jpg)
ส่วนหนึ่งของวิหารที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี เพื่อให้ชาวพุทธได้มาสักการะ
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide22.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide22.jpg)
พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วโลกมาที่นี่เพื่อเดินจงกลมรอบสถูปดาเม็ก
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide23.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide23.jpg)
พุทธศาสนิกชนชาวทิเบตก็แสดงความเคารพอยู่ที่พื้นสนามหญ้า
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide13.jpg)
พุทธศาสนิกชนจากประเทศไทยก็นิยมนิมนต์ให้พระจากเมืองพุทธคยาทำหน้าที่เป็นไกด์ทัวร์
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide30.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide30.jpg)
สถานที่ซึ่งพุทธองค์พบกับปัญจวัคคีย์ยังมีข้อถกเถียงในแง่โบราณคดี บ้างก็ว่าที่สถูปดาเม็ก (Dhamek Stupa) บ้างก็ว่าที่สถูปชูกานดี (Chaukhandi Stupa) ที่อยู่ห่างออกไปราว 750 เมตร
สำหรับผมไม่เกี่ยงครับว่าสถูปอันไหนเป็นจุดที่พุทธองค์พบกับปัญจวัคคีย์ เพราะยังไก็ต้องเป็นที่ใดที่หนึ่ง ก็เลยต้องไปนมัสการทั้งสองแห่ง
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide31.jpg)
ที่สถูปชูการดี (Chaukhandi Stupa) มีป้ายอธิบายว่าตรง ณ สถานที่นี้พุทธองค์ได้พบกับปัญจวัคคีย์
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide32.jpg)
รายละเอียดในป้ายอธิบายชัดเจนว่าสถูปชูกานดีสร้างในสมัยราชวงศ์คุปต้า ราวคริตศตวรรษที่ 4 - 5 และตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่พุทธองค์ได้พบกับปัญจวัคคีย์หลังจากได้ทรงตรัสรู้แล้ว และสถูปหลังนี้ยังถูกระบุอยู่ในบันทึกของ "พระถังซำจัง" เมื่อคราวที่เดินทางมาจาริกบุญในคริตศวรรษที่ 7
การเดินทางไปที่เมืองสารนาทง่ายนิดเดียวครับ เพราะมีสายการบินตรงจากกรุงเทพไปลงที่นั่น มีทั้ง Thai International และ Indian Airline ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide33.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide33.jpg)
อันดับแรกต้องไปขอวีซ่าเข้าประเทศอินเดีย
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide01.jpg)
เส้นทางบินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่สนามบินนานาชาติเมืองพาราณาสี
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide02.jpg)
สนามบินพาราณาสีอยู่ห่างจากเมืองสารนาทเพียงสิบกว่ากิโลเมตร
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide03.jpg)
นักแสวงบุญชาวไทยส่วนใหญ่นิยมนุ่งขาวห่มขาวจากบ้าน ผมก็ไปพร้อมๆกับคณะดังกล่าวแต่แต่งตัวแบบธรรมดา
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide04.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide04.jpg)
บนเครื่องสายการบินอินเดียมีการเสริพอาหารแขกให้เป็นการต้อนรับสู่ดินแดนภารตะ
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide05.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide05.jpg)
สายการบินแห่งชาติอินเดียบริการดีทีเดียว อาหารอร่อย (ในสายตาคนอย่างผมที่เป็นนักเรียนเก่าจากอินเดีย)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide34.jpg)
การรถไฟของอินเดียมีบริการรถด่วนพิเศษวิ่งระหว่างเมืองสำคัญทางพุทธศาสนา ชื่อรถด่วนสายมหาปรินิปพาน (Mahaparinirvan Express) ผมไม่ทราบว่าชื่อแบบนี้คนไทยจะชอบนั่งหรือไม่ ความจริงปรินิปพานในภาษาฮินดิหมายถึง "สวรรค์" แต่ความหมายในสายตาของคนไทยอาจหมายถึงการตายแบบถาวร
อย่างไรก็ตามถ้าแฟนคลับของ yclsakhon ประสงค์จะนั่งภาวนาให้ตรงกับสถานที่ป่าอิสิปตมฤคทายวัน เมืองสารนาท เพื่อให้ได้บรรยากาศของยุคสมัยพุทธกาล ในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ผมขอแนะนำให้ท่านไปที่วัดพระธาตุเชิงชุม ในตัวเมืองสกลนคร และหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ที่มุมกวาด 64 องศา ทวนเข็มนาฬิกา จริงๆแล้วผมอยากจะไปนิมนต์ให้พระครูวินัยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุม ทำเครื่องหมายไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้เห็น เพราะผู้คนจำนวนมากไม่ได้จบเรียนวิชาคณิตวิทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณป้าคุณลุงรุ่นเคี้ยวหมาก
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide1(4).jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1373000341/Slide1%284%29.jpg)