ทำไมคนถึงอยากครอบครอง "ดอนสวรรค์" ในบึงหนองหาร สกลนคร
ดอนสวรรค์ เป็นภาษาท้องถิ่นของชาวสกลนคร มีสภาพเหมือนเกาะอยู่ในบึงหนองหารซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอีสานกินพื้นที่ส่วนที่เป็นน้ำประมาณ 60,000 ไร่ อยู่ที่อำเภอเมือง และอำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร เฉพาะตัวดอนสวรรค์มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ไม่นานมานี้มีคณะบุคคลพยายามเข้าครอบครองด้วยวิธีการ "ขอเช่า 30 ปี" เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของมูลนิธิแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับการอนุญาตจากทางราชการ ต่อมาจึงมีความพยายามเข้าครอบครองในรูปแบบใหม่คือ "ออกโฉนดที่ดิน" ให้เป็นธรณีสงฆ์ แต่ขบวนการนี้ความแตกเสียก่อนจึงถูกระงับโดยคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครเมื่อเดือนกันยายน 2555 แต่เรื่องก็ยังไม่ยุติเพราะดอนสวรรค์ยังมีชื่อติดอยู่ใน "ทะเบียนวัดร้าง" ตามประกาศของของสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ สามารถที่จะนำต้นเรื่องเรื่องขึ้นมาออกโฉนดได้อีกเมื่อสถานะการณ์เหมาะสม จึงเป็นสาเหตุให้ชาวสกลนครจำนวนมากลุกขึ้นมาคัดค้านเพราะพวกเขายืนยันมาตลอดว่าดอนสวรรค์เป็นที่ดินสารธารณประโยชน์ที่ราษฏรสามารถใช้ร่วมกัน และ "ไม่เคยเป็นวัด"
ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม 2556 สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มีหนังสือราชการแจ้งมายังผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ว่าทางนั้นกำลังทำเรื่องขอยกเลิกทะเบียนวัดดอนสวรรค์(ร้าง) พร้อมๆกับทำบันทึกรายงานต่อรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกิจการของส่วนราชการนี้ ให้ทราบถึงเหตุผลการขอยกเลิกทะเบียนวัดดอนสวรรค์ (ร้าง) ว่าไม่สามารถหาหลักฐานเอกสารและหลักฐานทางวัตถุที่เพียงพอต่อการขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้าง ความสำเร็จของการคัดค้านไม่ให้ดอนสวรรค์เป็นวัดและให้คงความเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน มาจากการร่วมแรงร่วมใจของ "ไทสกล" ซึ่งประกอบด้วยภาคประชาชนทุกหมู่เหล่า กับนักการเมืองท้องถิ่นอันได้แก่เทศบาลนครสกลนครและ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ชาวสกลนครจึงได้ร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองที่ลาน ร.5 ในวันเสาร์ที่ 20 กรกฏาคม 2556
คำถามอยู่ที่ว่า ทำไมดอนสวรรค์แห่งนี้จึงเป็นที่หมายปองอย่างมากจากกลุ่มบุคคลที่พยายามอธิบายว่าทำเพื่อเป็นพุทธบูชา และอยากจะปลุก "วัดร้าง" ให้กลายเป็นวัดที่มีพระภิกษุ ทั้งๆที่วัดร้างในจังหวัดสกลนครก็มีจำนวนมากมายอีกทั้งภูมิประเทศ การคมนาคม และสถานที่ตั้งก็ง่ายต่อการบูรณะ รวมทั้งไม่มีชาวสกลนครต่อต้านในการพัฒนาวัดร้างเหล่านั้น ทำไมจึงต้องเจาะจงมุ่งมาที่ "ดอนสวรรค์" ซึ่งเป็นเกาะอยู่กลางบึงหนองหาร ห่างจากตัวเมืองราว 4 กิโลเมตร ไม่เหมาะแก่การประกอบศาสนกิจที่พระสงฆ์และชุมชนต้องมีส่วนเกิ้อกูลและสัมพันธ์กัน
ทัศนียภาพดอนสวรรค์ในบรรยากาศตะวันรอนที่หนองหาร
ดอนสวรรค์มองจากมุมสูง (ภาพถ่ายจากเครื่องบินโดยสาร)
"ปราสาทภูเพ็ก ปราสาทนารายณ์เจงเวง อยู่ในเส้นตรงเดียวกัน แต่ยังมีอีกแห่งหนึ่งอยู่ในน้ำหนองหาร ถ้าพบเมื่อไหร่สกลนครรุ่งเรืองแน่" นี่คือคำพูดของผู้เชี่ยวชาญฮวงจุ้ยระดับชาติ อาจารย์วิศิษฐ์ เตชะเกษม เมื่อประมาณปี 2540 ในคราวที่หอการค้าจังหวัดสกลนครเชิญท่านมาดูฮวงจุ้ยที่จังหวัดสกลนคร ผมได้รับข้อมูลนี้จากคุณประสาท ตงศิริ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดสกลนคร ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาอวุโสของหอการค้าฯ ผมกับคุณประสาทคุ้นเคยกันมานานหลายปีทำกิจกรรมร่วมกันมากมายหลายอย่าง แต่ก็ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้มาก่อน เพิ่งจะมีการเอ่ยถึงเมื่อเกิดกรณีคัดค้านการเข้าครอบครองดอนสวรรค์ ผมได้ให้ข้อมูลกับคุณประสาท ตงศิริ ว่า "ดอนสวรรค์ ปราสาทนารายณ์เจงเวง และปราสาทภูเพ็ก" อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันที่เส้นรุ้ง 17.2 องศาเหนือ เมื่อถึงวัน "วิษุวัต" (Equinox) กลางวันเท่ากับกลางคืนเพราะโลกโคจรเข้าสู่ตำแหน่งที่ทำให้ตั้งฉากกับดวงอาทิตย์ ณ เส้นศูนย์สูตร ตรงกับ วันที่ 21 มีนาคม และ 23 กันยายน ดวงอาทิตย์จะขึ้นเป็นแนวเส้นตรงเริ่มจากดอนสวรรค์ผ่านปราสาทนารายณ์เจงเวงและไปจบที่ปราสาทภูเพ็ก ในตอนเย็นวันเดียวกันดวงอาทิตย์ตกในแนวเส้นตรงจากปราสาทภูเพ็กมายังดอนสวรรค์ผ่านปราสาทนารายณ์เจงเวง ทุกอย่างจึงมาถึงบางอ้อทันที หลังจากที่ปริศนา "ฮวงจุ้ยดอนสวรรค์" อยู่ในความลับมานานถึงสิบห้าปี.......รู้ยังงี้ผมบอกคุณประสาท ตงศิริ ไปนานแล้ว
อาจารย์วิศิษฐ์ เตชะเกษม ผู้เชี่ยวชาญฮวงจุ้ยระดับชาติ ผู้ทำนายว่าสกลนครมีฮวงจุ้ยที่ดีเพราะมีปราสาทภูเพ็ก ปราสาทนารายณ์เจงเวง และอีกที่นึงอยู่ในน้ำหนองหาร
ดอนสวรรค์ มุมมองจากระยะทาง 30 กิโลเมตร โดยยืนอยู่ที่ปราสาทภูเพ็ก ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม สกลนคร
มองตรงจากประตูปราสาทภูเพ็ก (บนยอดภูเขา +520 ม.) ผ่านยอดของแท่งศิวะลึงค์จะเห็นดอนสวรรค์เป็นเกาะในหนองหาร
ยิงมุมกล้องจากประตูปราสาทภูเพ็กผ่านปลายยอดแท่งศิวะลึงค์จะเห็นเกาะดอนสวรรค์เป็นเส้นตรงทางทิศตะวันออก
มองจากปราสาทภูเพ็กจะเห็นแนวต้นไม้เป็นที่ตั้งของปราสาทนารายณ์เจงเวง
ตำแหน่งที่ตั้งของปราสาทนารายณ์เจงเวง (ใช้หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครเป็นจุดนำสายตา)
ถ่ายภาพมุมกว้างจากเรือที่อยู่ในหนองหารทำให้มองเห็นภูเพ็กและดอนสวรรค์อยู่ในระนาบเดียวกัน
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงตำแหน่งดอนสวรรค์ ปราสาทนารายณ์เจงเวง และปราสาทภูเพ็ก อยู่ในแนวเส้นรุ้งเดียวกัน
ความสัมพันธ์ทางดาราศาสตร์ระหว่าง "ดอนสวรรค์" กับ "ปราสาทนารายณ์เจงเวง" อยู่ในสุริยะวิถีเดียวกันในปรากฏการณ์ "วันวิษุวัต"
ความสัมพันธ์ทางดาราศาสตร์ระหว่าง "ดอนสวรรค์ ปราสาทนารายณ์เจงเวง และปราสาทภูเพ็ก" อยู่ในสุริยะวิถีเดียวกันในปรากฏการณ์ "วันวิษุวัต" ทั้งสามแห่งอยู่ในเส้นตรงเดียวกัน
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2556 เป็นปรากฏการณ์ "ศารทวิษุวัต" (Autumnal equinox) ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงกลางของประตูปราสาทภูเพ็กอย่างพอดี ผมใช้เชือกและลูกดิ่งจับที่เส้นกลางประตูเพื่อเป็นเครื่องช่วยนำสายตา
บังเอิญระฆังที่แขวนอยู่หน้าบันไดขั้นสุดท้ายของทางขึ้นปราสาทภูเพ็กอยู่ในแนวเส้นตรงกับตำแหน่งดวงอาทิตย์ในวัน "วิษุวัต" อย่างพอดี ผมจึงใช้ระฆังใบนี้เป็นเครื่องช่วยนำสายตาในการถ่ายภาพ เนื่องจากขณะที่ดวงอาทิตย์ขึ้นมีเมฆหนาทึบที่ขอบฟ้าทำให้มองไม่เห็นเกาะดอนสวรรค์
พอสายหน่อยเมฆหมอกจางไปแล้วก็สามารถยิงภาพไปที่เกาะดอนสวรรค์ โดยใชัระฆังเป็นเครื่องนำสายตาเพื่อพิสูจน์ว่าดวงอาทิตย์ในปรากฏการณ์ "ศารทวิษุวัต" เป็นเส้นตรงระหว่างปราสาทภูเพ็กกับดอนสวรรค์
ผมปรับภาพเพื่อให้มองเห็นดอนสวรรค์ได้ชัดขึ้น โดยใช้ระฆังเป็นเครื่องนำสายตา
ผมใช้เทคนิคการทำภาพเชิงซ้อนเพื่อให้มองเห็นดวงอาทิตย์กับดอนสวรรค์ ในเช้าวันที่ 23 กันยายน 2556 เป็นปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ "ศารทวิษุวัต" (Autumnal equinox) ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ทิศตะวันออกแท้ และกลางวันยาวเท่ากับกลางคืน
ภาพถ่ายดอนสวรรค์มองจากปราสาทภูเพ็ก เปรียบเทียบระหว่างวันธรรมดากับปรากฏการณ์ "วิษุวัต" (Equinox) ท้องน้ำรอบดอนสวรรค์จะเรืองอร่ามเป็นสีแดง
ในวันเดียวกันของปรากฏการณ์ "วิษุวัต" (Equinox) ดวงอาทิตย์ตกตรงกับปราสาทภูเพ็กบนยอดภูเขา
ภาพถ่ายทางอากาศ ปี 2516 ต้นไม้ที่ดอนสวรรค์หายไปมากเมื่อเปรียบเทียบกับภาพถ่าย ปี 2497
ภาพถ่ายทางอากาศ ปี 2497 มองเห็นตัวเมืองสกลนคร หนองหาร และดอนสวรรค์
จากการที่ผมศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของอารยธรรมขอมในจังหวัดสกลนครมาหลายปีจนกระทั่งค้นพบ "สุริยะปฏิทิน ปราสาทภูเพ็ก" เมื่อปี 2544 ทำให้ทราบว่าปราสาทภูเพ็ก ปราสาทนารายณ์เจงเวง และดอนสวรรค์ (ในบึงหนองหาร) อยูในแนวเส้นตรงเดียวกันที่เส้นรุ้ง 17.2 องศาเหนือ แต่ผมไม่ทราบว่านี่คือ "ฮวงจุ้ย" เพิ่งจะมารู้ก็ตอนที่คุณประสาท ตงศิริ เล่าเรื่องย้อนหลังว่าเคยมีผู้เชี่ยงชาญด้านฮวงจุ้ยมาทำนายไว้ราว 15 ปี ที่แล้ว
ในทางดาราศาสตร์สถานที่สำคัญทั้งสามแห่งหันหน้าตรงเข้าสู่ "ทิศตะวันออกแท้" (Due east) โดยทำมุมกวาด 90 องศา (Azimuth 90 degree) เมื่อโลกโคจรเข้าสู่ตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์ทำมุมตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตร เรียกว่า "วิษุวัต" (Equinox) จะเกิดปรากฏการณ์กลางวันเท่ากับกลางคืน ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ทิศตะวันออกแท้และตกที่ทิศตะวันตกแท้
พูดถึงมิติความเชื่อและศาสนา อาณาจักรขอมใช้ปฏิทิน "มหาศักราช" ซึ่งวัน เดือนต่างๆล้วนอิงปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ ดังจะเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่คือ วันที่ 1 เดือนใจตระ หรือ "วสันตวิษุวัต" (Vernal equinox) เริ่มต้นวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ ตรงกับปฏิทินสากลคือวันที่ 22 มีนาคม ในกรณีที่เป็น "อธิกสุรทิน" 366 วัน (เดือนกุมภาพันธ์ 29 วัน) แต่ในปี "ปกติสุรทิน" 365 วัน (เดือนกุมภาพันธ์ 28 วัน) จะตรงกับวันที่ 21 มีนาคม วันนี้ชาวฮินดูถือว่าเป็นมหามงคลของกษัตริย์และเจ้านายชั้นสูง ปราสาทขอมจำนวนมากจึงถูกออกแบบก่อสร้างหันหน้าเข้าหาทิศตะวันออกแท้เพื่อสอดคล้องกับการประกอบพิธีกรรมให้ตรงกับดวงอาทิตย์ยามเช้า อนึ่ง จะเห็นว่ากษัตริย์ขอมจำนวนมากมีชื่อเป็นความหมาย "ดวงอาทิตย์" เช่น สุริยะวรมัน อุทัยอาทิตย์วรมัน
ปฏิทินมหาศักราช เดือนใจตระเป็นเดือนแรกของปี มี 30 วัน หรือ 31 วัน ถ้าเป็นปี "ปกติสุรทิน" (365 วัน) หรือ ปี "อธิกสุรทิน" (366 วัน) ตามลำดับ
ศาสนสถานกลางน้ำ.....ความเชื่อแห่งทะเลอันศักดิ์สิทธิ์
ย้อนกลับไปพันกว่าปีที่แล้วในยุคเมืองหนองหารหลวงภายใต้อิทธิพลขอม ผมเชื่อว่าพราหมณ์และเจ้านายชั้นสูงรู้ดีว่าควรสร้างปราสาทนารายณ์เจงเวง และปราสาทภูเพ็ก ให้ตรงกับดอนสวรรค์ซึ่งอาจจะมีสิ่งก่อสร้างเป็นปราสาทขนาดเล็กอยู่บนนั้น เหมือนกับ "ปราสาทแม่บุญ" ที่อยู่กลางน้ำในบารายตะวันตกของเมืองอังกอร์ (เสียมราช) เพียงแต่ยังค้นไม่พบหลักฐานของสิ่งก่อสร้างเหล่านั้น เนื่องจากอาจถูกรื้อทำลายหรือนำหินไปเป็นวัสดุก่อสร้างอาคารอย่างอื่นในสมัยอิทธิพลอาณาจักรล้านช้าง
ภาพถ่ายบารายตะวันตกมองเห็นปราสาทแม่บุญอยู่กลางน้ำ (ถ่ายจากเครื่องบิน Bangkok Airway ขณะกำลัง Take Off จากสนามบิน Siem Reap)
ความเชื่อเรื่อง "ศาสนาสถานกลางน้ำ" ซึ่งเปรียบเสมือนทะเลอันศักดิ์สิทธิ์ มีมานานแล้วตั้งแต่ยุคขอมเรืองอำนาจ เป็นไปได้ว่าดอนสวรรค์ก็สะท้อนความเชื่อเดียวกันในยุคเมืองหนองหารหลวง
ดังนั้นจึงฟันธงได้ว่า "ดอนสวรรค์" เข้าสูตร "ฮวงจุ้ย" ที่เป็นมงคลยิ่ง......หากต้องกลายเป็นที่ "ธรณีสงฆ์" จะเกิดอะไรขึ้น
สัจจธรรมในยุคปัจจุบัน ........ การค้าที่สร้างกำไรมากที่สุดคือ "ขายความเชื่อ" ต้นทุนต่ำแต่รายได้สูง ดอนสวรรค์อาจเข้าข่ายนี้
เป็นที่ปรากฏชัดว่าเมื่อ ปี 2553 บุคคลกลุ่มหนึ่งยื่นเรื่องต่อปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อขอเช่าดอนสวรรค์เป็นเวลา 30 ปี แต่ไม่ได้รับอนุมัติทำให้ต้องเปลี่ยนแผนมาเป็นการผลักดันให้สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติยื่นเรื่องขอออกโฉนดที่ดินดอนสวรรค์เนื้อที่ 85 ไร่ ให้แก่คณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร (อ้างว่าดอนสวรรค์เคยมีวัดมาก่อนและร้างไปเนื่องจากไม่มีพระภิกษุ จึงขึ้นทะเบียนให้เป็นวัดร้างโดยมติของที่ประชุมข้าราชการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเมื่อปี 2547 ) แต่ความแตกเสียก่อนและนำไปสู่การคัดค้านอย่างรุนแรงจากพี่น้องไทสกล ยังผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครต้องมีคำสั่งให้ยกเลิกการออกโฉนดที่ดิน เมื่อปลายเดือนกันยายน 2555 แต่ทะเบียน "วัดร้าง" ยังคงอยู่
อย่างไรก็ตามบุคคลกลุ่มดังกล่าวพยายามผลักดันให้ดอนสวรรค์เป็นธรณีสงฆ์ท่ามกลางความกังขาของพี่น้องไทสกลเจ้าของพื้นที่.........หากบุคคลเหล่านี้ได้เข้าครอบครองดอนสวรรค์โดยอาศัยหมวกของวัดใดวัดหนึ่งในท้องถิ่น ดอนสวรรค์จะกลายเป็นสวรรค์จริงๆในเชิงพาณิชย์ เพราะที่ดินธรณีสงฆ์สามารถนำไปทำธุรกิจได้อย่างง่ายดาย เช่นสร้างที่พักตากอากาศโดยอ้างว่าเป็นสถานปฏิบัติธรรม บรรดาเศรษฐีที่มีความเชื่อเรื่องของพลังฮวงจุ้ยจะต้องแห่มาที่นี่แบบแพงเท่าไหร่ก็สู้.....เงินทองมหาศาลสะพัดแน่ เพราะคนจำนวนหนึ่งเชื่อว่า "เรื่องของบุญ ....เสียเงินเท่าไหร่ก็ยอม"
แท่งศิลาแลงจากยุคขอมเรืองอำนาจ ?
ศิลาแลงสองก้อนที่ดอนสวรรค์ มีลักษณะเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งก่อสร้างในยุคขอมเรืองอำนาจ เพราะมีร่องรอยในการแกะรูปร่าง จะว่าใคร (ในยุคปัจจุบัน) เอามาจากที่อื่นก็ไม่น่าจะมีเหตุผลเพราะน้ำหนักมากและไม่รู้จะเอามาทำไม จึงมีความเป็นไปได้ว่าที่เกาะดอนสวรรค์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมบางอย่างในยุคนั้น
ถ้าสมมุติฐานว่าหินสองก้อนนี้มาจากยุคขอมเรืองอำนาจเป็นความจริงขึ้นมา ก็ยิ่งจะทำให้เรื่องของ "ฮวงจุ้ย" มีความขลังมากขึ้น มิน่าเล่าหลายคนที่มีกะตังค์และอำนาจจึงอยากได้ดอนสวรรค์เป็นสมบัติของตน
แท่งหินปริศนา ..... ทำไมต้องเว้นไว้เฉพาะก้อนนี้ เป็นแท่งศิลาแลงที่ตัดไว้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนกับที่ใช้สร้างปราสาทขอม ?
สรุป
ทำไมคนถึงอยากครอบครองเกาะดอนสวรรค์
ผู้ที่อยากได้ดอนสวรรค์ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เขาเหล่านั้นต้องเป็นคนที่มีเงินทอง มีเส้นสาย มีธุรกิจใหญ่ และมีข้อมูลในมือพอสมควรว่าที่แห่งนี้มีอะไรพิเศษ ไม่งั้นไปหาออกโฉนดวัดร้างตามหมู่บ้านต่างๆและไม่มีใครคัดค้านไม่ดีกว่าหรือ เมื่อมองประเด็นนี้ก็คงหนีไม่พ้นเหตุผล 2 ประการ
1. เป็นเรื่องของ "ฮวงจุ้ย" ที่ใครๆก็อยากครอบครองสถานที่แบบนี้อันจะนำมาซึ่งศิริมงคลและโชคลาภ
2.การมีโบราณสถานยุคขอมเรืองอำนาจ ผู้ครอบครองที่มีความเชื่อเรื่อง "ความขลังและพลังอำนาจ" ต้องอยากที่จะมานั่งรับพลังสุริยะ ณ สถานที่นี้
อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ไม่เข้าใครออกใครเพราะการครอบครองโบราณสถานอาจจะนำมาซึ่งความวิบัติก็ได้ถ้าผู้นั้นไม่มีบารมีมากพอ ดังตัวอย่าง Lord Carnavorn เป็นนายทุนว่าจ้างให้นักโบราณคดีชื่อ Howard Carter ขุดค้นหาสุสานของฟาร์โรตุตันตาเมน นายทุนผู้นี้เสียชีวิตอย่างปริศนาหลังจากที่เปิดสุสานได้ไม่นาน อาจจะเป็นเพราะคำสาปที่จารึกไว้ว่า "ความตายจะโบยบินไปหาผู้ที่ล่วงล้ำ" Death Shall Come on Swift Wings To Him Who Disturbs the Peace of the King... -Supposedly engraved on the exterior of King Tutankhamen's Tomb