ปราสาทนารายณ์เจงเวง ....... อะไรหายไปแล้ว อะไรเสี่ยงสูญหาย?
ปราสาทนารายณ์เจงเวง สกลนคร ตั้งอยู่ท่ีบ้านธาตุ ตำบลธาตุนาเวง อ.เมือง ทางถนนสกลนคร - อุดรธานี 6 กม.ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองสกลนคร เป็นโบราณสถานยุคขอมเรืองอำนาจ กรมศิลปากรระบุว่าน่าจะสร้างในยุคขอมปาปวน ราวพุทธศตวรรษ ที่ 16 เป็นศาสนาสถานฮินดู ....... บทความนี้จะพูดถึงประเด็น "อะไรที่หายไปแล้ว และอะไรที่อยู่ในความเสี่ยงต่อการสูญหาย"
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide1.jpeg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide2.jpeg)
ภาพถ่ายเก่าปราสาทนารายณ์เจงเวงตั้งแต่ปี 2450
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide3.jpeg)
ภาพถ่ายเก่าอีกภาพหนึ่งจากมุมด้านทิศใต้
อะไรที่หายไปแล้ว
อันดับแรก "บาราย" ........ ปกติปราสาทขอมทั่วไปจะมีอ่างเก็บน้ำที่ภาษาวิชาการทางโบราณคดีเรียกว่า "บาราย" (Baray) เมื่อตรวจดูในทะเบียนโบราณสถานไม่พบสิ่งนี้ แต่ปราสาทหลังอื่นๆในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เช่น ปราสาทเชิงชุม และปราสาทดุม มีบารายทั้งคู่
จึงต้องค้นหาในภาพถ่ายทางอากาศที่เก่าที่สุดเมื่อปี 2516 เห็นภาพบารายรูปร่างสี่เหลี่ยมพืนผ้าทางด้านทิศเหนือของปราสาทนารายณ์เจงเวียง
ภาพถ่ายทางอากาศ ปี พ.ศ.2516 มี "บาราย" รูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านทิศเหนือของปราสาท อนึ่ง การก่อสร้างบารายตามสูตรวิศวกรรมการจัดการน้ำของชาวขอมต้องมีลำน้ำอยู่ในละแวกใกล้เคียงเพื่อให้สามารถเติมน้ำใส่บารายในฤดูน้ำหลาก ในภาพนี้เห็นลำห้วยทรายอยู่ใกล้ๆทางด้านทิศเหนือ
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide5.jpeg)
ภาพถ่าย Google Earth ปี 2546 ยังปรากฏภาพบารายชัดเจน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide6.jpeg)
ภาพถ่าย Google Earth ปัจจุบัน 2565 บารายหายไปแล้ว
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide7.jpeg)
นำภาพถ่ายทั้งสามช่วงปีมาเปรียบเทียบกัน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide8.jpeg)
เปรียบเทียบระหว่าง ปี 2516 กับปัจจุบัน (2565)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide9(2).jpeg)
ภาพถ่าย Google Earth ทำให้เห็นลำดับระยะเวลาการหายไปของบารายนับจากปี 2546 จนปัจจุบัน (ภาพล่าสุด 2566)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide9.jpeg)
ปราสาทขอมอื่นๆของจังหวัดสกลนครล้วยมี "บาราย"
อันดับที่สอง
ศิวลึงค์และฐานโยนี สิ่งนี้อยู่คู่กับปราสาทขอมเพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธนิกายมหายาน สิ่งนี้ได้หายไปนานแล้วและมีการนำพระพุทธรูปไปตั้งไว้แทน ........ กล้ายืนยันว่าปราสาทหลังนี้ต้องมีสิ่งดังกล่าวเพราะมีหลักฐาน "ท่อโสมสูตร" ซึ่งเป็นอุปกรณ์ส่วนควบของศิวลึงค์และโยนี อีกทั้งรูปสลักต่างๆที่หน้าบันและทับหลังก็เต็มไปด้วยเทพของศาสนาฮินดูทั้งสิ้น เช่น พระศิวะ พระวิศนุ พระอินทร์ อนึ่ง ปราสาทหลังนี้หันหน้าตรงกับปรากฏการณ์ "วิษุวัต" ตรงกับวันปีใหม่ของปฏิทินมหาศักราช วันดังกล่าวต้องมีพิธีสำคัญในห้องครรภคฤหัสหรือห้องปรางค์ใหญ่
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide10.jpeg)
พระพุทธรูปถูกนำไปตั้งแทนศิวลึงค์และโยนี
ตัวอย่างปราสาทขอมที่ประเทศกัมพูชามีศิวลึงค์และฐานโยนี
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide14.jpeg)
ฐานโยนีพบที่ปราสาทเชิงชุม แต่ศิวะลึงค์หายไปแล้ว น่าจะเอาออกมาจากตัวปราสาทแต่ไม่ทราบว่าปีไหน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide16.jpeg)
ท่อโสมสูตร คืออุปกรณ์ส่วนควบของศิวลึงค์และฐานโยนี ทางผนังด้านทิศเหนือของปราสาทนารายณ์เจงเวง
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide11.jpeg)
ภาพพระศิวะกำลังฟ้อนรำ และภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide12.jpeg)
นารายณ์บรรทมสินธุ์ และพระกฤษณะกำลังสู้กับสิงโต
อันดับสาม
ทัศนีภาพปรากฏการณ์ "อาทิตย์อุทัย" ในวันสำคัญของปฏิทินมหาศักราช "วิษุวัต" ถูกบดบังสิ้นเชิงโดยพระอุโบสถของวัดพุทธที่สร้างขึ้นภายหลัง เชื่อว่าบรรพชนผู้สร้างปราสาทหลังนี้ตั้งใจให้แสงอาทิตย์เช้าตรู่ในปรากฏการณ์ดังกล่าวส่องเข้าไปยังศิวะลึงค์เพื่อสร้างพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู จากผลการตรวจสอบด้วยอุปกรณ์ GPS พบว่าปราสาทหันตรงไปที่มุมกวาด 90 องศา ตรงกับทิศตะวันออกแท้
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide2(1).jpeg)
ปราสาทหลังนี้สร้างอยู่บนพื้นที่สูงเพื่อให้มองเห็นดวงอาทิตย์ชัดเจน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide3(2).jpeg)
ลักษณะภูมิประเทศของปราสาทนารายณ์เจงเวงเป็นที่สูงตรงตามสะเป็กของชาวขอม
ทิศตะวันออกของปราสาทถูกบดบังโดยพระอุโบสถของวัด จริงๆแล้วบริเวณนี้มีที่ว่างเยอะแยะพระท่านก็น่าจะหาที่อื่นสร้างอุโบสถ โดยไม่ต้องบดบังซึ่งกันและกัน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide1(1).jpeg)
ถ้าเป็นไปได้น่าจะขอความอนุเคราะห์ทางวัดให้ "ทำกระจก หรือ หน้าต่าง" เพื่อให้แสงอาทิตย์ในปรากฏการณ์ "วิษุวัต" ส่องมาถึงประตูปราสาท
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide25(1).jpeg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide26.jpeg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide26(1).jpeg)
Application GPS ชี้ตรงไปที่มุมกวาด 90 อศา หรือทิศตะวันออกแท้ ตรงกับอาทิตย์อุทัยในปรากฏการณ์ "วิษุวัต"
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide27.jpeg)
ที่พื้นธรณีของประตูทิศตะวันออกยังมองเห็นรอยขีดที่แสดงตำแหน่งดาราศาสตร์ "วิษุวัต" (equinox)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide28.jpeg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide25.jpeg)
ดวงอาทิตย์ตกในวัน "วสันตวิษุวัต" 20 มีนาคม 2563 ตรงกับตำแหน่ง "วิษุวัต"
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide7(1).jpeg)
ภาพถ่ายเก่าเมื่อปี พ.ศ.2450
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide30.jpeg)
ถ้าปราสาทด้านทิศตะวันออกไม่มีอุโบสถมาบดบัง น่าจะเห็นภาพแบบนี้ในวันสำคัญของศาสนาฮินดู
อันดับสี่
สุ่มเสี่ยงต่อการเสียหายหรือสาบสูญ ได้แก่ภาพสลักอายุพันปีบนก้อนหินที่วางระเกะระกะอยู่ในคอกไม้ ตากแดดตากฝนมานานกว่า 40 ปี ภาพสลักเหล่านี้มีสิทธิ์หลุดเข้าไปในตลาดค้าของโบราณและเข้าไปอยู่ในมือของนักสะสมของเก่า ...... จริงๆแล้ว น่าจะเอาไปเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ให้มีการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เช่น พิพิธภัณฑ์เมืองสกล ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร หรือ พิพิธภัณฑ์ภูพานในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร
การวางกองหินทรายที่มีภาพสลักอายุพันปีในสถานที่โล่งแจ้ง มีความเสี่ยงต่อ "การกัดกร่อนโดยน้ำฝนและตะไคร่น้ำ" อีกทั้งเสี่ยงต่อการถูกลักขโมยไปขายในตลาดค้าของโบราณ
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide18.jpeg)
ดร.สพสันติ์ เพชรคำ อดีตผู้อำนวยการสถาบันภาษาศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร เคยขออนุญาตหน่วยศิลปากรที่ 10 นำหินที่มีภาพสลักสำคัญ เช่น พาลีสู้กับสุครีพ ไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เมืองสกล ตึก 1 ม.ราชภัฏสกลนคร แต่ต่อมาท่านเจ้าอาวาสวัดพระธาตุนารายณ์มาทวงคืนและก็เอาตั้งทิ้งไว้ในกองหินเช่นเดิม
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide19.jpeg)
ภาพสลักเหล่านี้ถูกน้ำฝนกัดเซาะและมีตะไคร่น้ำเกาะนานๆเข้าจะค่อยเลือนลาง
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide20.jpeg)
ภาพสลักทหารถืออาวุธแสดงการแต่งกายในยุคนั้น
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide22.jpeg)
ก้อนหินที่มีภาพสลักเหล่านี้ประเมินค่าไม่ได้เพราะเป็นของแท้จากยุคขอมเรืองอำนาจ ...... ถ้าสูญหายใครจะรับผิดชอบ?
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1691700744/Slide23(1).jpeg)
ภาพพาลีกำลังต่อสู้กับสุครีพก็ตั้งรวมอยู่ในกองหิน
สรุป
บทความนี้มีเจตนาบันทึกภาพเหตุการณ์สำคัญ เรื่องราว และสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับปราสาทนารายณ์เจงเวงไว้เป็นข้อมูลให้ลูกหลานได้ศึกษาในแง่มุมเชิงวิทยาศาสตร์ และเป็นการเชิญชวนให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องช่วยกันดูแลรักษาตามหลักวิชาการ เช่น นำภาพสลักบนก้อนหินทรายไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์เพื่อให้เกิดการศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์จากวัตถุพยาน และปลุกจิตสำนึกของลูกหลานให้รู้จักคุณค่าแห่งรากวัฒนธรรมของบรรพชน