โครงการทดลองปลูกข้าวหอมมะลิใช้น้ำน้อย 2562 (2019)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide01(1).jpg)
โครงการร่วมมือระหว่างสาขาวิชาพืชศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร กับสโมสรโรตารี่สกลนคร โรตารี่สากล ภาค 3340
โจทย์ ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำ เราๆท่านๆจะปลูกข้าวหอมมะลิใช้น้ำน้อยแต่ ให้ผลผลิตเท่าเดิมกับที่ปลูกทั่วๆไปในภาคอีสาน ได้หรือไม่?
สาระสำคัญของการทดลอง
1.ใช้พันธ์ุข้าวหอมมะลิ 105
2.ใช้น้ำชลประทานประมาณ 700 มม. เสริมกับน้ำฝน (supplemental irrigation)
3.ประมาณการผลผลิตเท่ากับข้าวหอมมะลิทั่วไปของภาคอีสาน 350 - 450 กก./ไร่
4.ดำเนินการโดยนักศึกษาสาขาวิชาพืชศาสตร์ชั้นปีที่ 3 จำนวน 2 คน ชื่อเล่น ปาเกียว และวิทย์
5.เริ่มเพาะกล้า วันที่ 1 สิงหาคม 2562 ปักดำ 29 สิงหาคม 2562 และเก็บเกี่ยว 21 พฤศจิกายน 2562
รวมอายุ 113 วัน
6.ใช้ปุ๋ยพืชสดและปุ๋ยอินทรีย์เท่านั้น
7.ควบคุมวัชพืชด้วยการเตรียมดินที่ดีและใช้น้ำขังในแปลงประมาณ 7-10 วัน
ขั้นตอนการเพาะปลูก
1.ปลูกปอเทือง (Sunn Hemp) เพื่อไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสด
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide03.jpg)
2.เพาะกล้าตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2562 (วันที่เมล็ดเริ่มงอก)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide04.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide05.jpg)
เพาะกล้าตั้งแต่วันที่ 1 - 29 สิงหาคม 2562
3.เตรียมดิน 27 - 28 สิงหาคม 2562
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide06.jpg)
ใส่ปุ๋ยคอก (ขี้วัวขุน)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide07.jpg)
เตรียมดินอย่างละเอียดเพื่อกำจัดวัชพืช
4.ดำนาด้วยกล้าต้นเดียว 29 สิงหาคม 2562
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide08.jpg)
ถอนกล้า
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide09.jpg)
ปักดำด้วยกล้าต้นเดียว 25 cm x 25 cm เพื่อทดสอบการประสิทธิภาพแตกกอ
5.ควบคุมวัชพืชด้วยการปล่อยน้ำขังประมาณ 10 วัน ระหว่าง 29 สิงหาคม - 7 กันยายน 2562
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide10.jpg)
น้ำทำหน้าที่สารควบคุมวัชพืช
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide11.jpg)
ใช้น้ำเป็นตัวกดดันวัชพืช
6.ลดการให้น้ำ เพียงรักษาความชื้นในลักษณะไม่มีน้ำขัง (Aerobic Condition) ช่วงนี้ใช้น้ำโดยเฉลี่ยวันละ 6 มม.
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide14.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide15.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide16.jpg)
7.ระยะตั้งท้อง ออกดอก และติดรวง
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide17(1).jpg)
ระยะตั้งท้องเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2562 ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ "ศารทวิษุวัต" (Autumnal equinox) กลางวันเท่ากับกลางคืนในฤดูใบไม้ร่วง
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide18(1).jpg)
ระยะออกดอกเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2562 ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ราศีแมงป่อง (Zodiac Scorpio)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide17.jpg)
ระยะติดรวง
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide18.jpg)
พร้อมเก็บเกี่ยว 21 พฤศจิกายน 2562
8.สุ่มตัวอย่างผลผลิต ตรวจ % เมล็ดเสีย ตรวจ % ความชื้น
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide20.jpg)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide19.jpg)
สุ่มตัวอย่างผลผลิต
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide21.jpg)
ตรวจสอบ % เมล็ดเสีย
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide22.jpg)
ตรวจความชื้นโดยขอความอนุเคราะห์จาก ผอ.ศูนย์วิจัยข้่าวสกลนคร
9.ประเมินผลผลิต โดยการคัด % เมล็ดเสีย (เมล็ดลีบ) จากโรคไหม้คอรวง (Rice Blast Disease) และหักความชื้นให้เข้าสู่มาตรฐาน 15%
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide27.jpg)
สูตรคำนวณผลผลิตที่ความชื้นมาตรฐาน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide26.jpg)
การประเมินผลผลิต ด้วยการหักเมล็ดเสีย หักความชื้นให้ได้มาตรฐาน ณ 15%
สรุป
1.เนื่องจากมีการระบาดของโรค "ไหม้คอรวง" (Rice Blast) ทำให้ผลผลิตส่วนหนึ่งเสียหายระหว่าง 26 - 30% ทำให้ได้ผลผลิตเฉลี่ยสูงสุด 441 กก./ไร่ ผลผลิตเฉลี่ยต่ำสุด 328 กก./ไร่ (หากไม่มีโรคไหม้คอรวงระบาดน่าจะได้ผลผลิตเฉลี่ยสูงสุด 596 กก./ไร่ และผลผลิตเฉลี่ยต่ำสุด 548 กก./ไร่)
2.เป็นที่น่าสังเกตว่าปี 2562 มีปรากฏการณ์ฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายน และตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนเป็นต้นไป (มีพายุโซนร้อนชื่อ "โพดุล" เข้ามาในเดือนสิงหาคม ทำให้มีปริมามนน้ำฝนมากถึง 411 มม. ขณะที่ค่าเฉลี่ยรอบ 30 ปี อยู่ที่ 357 มม.)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide32.jpg)
เปรียบเทียบสถิติปริมาณน้ำฝนระหว่างปี 2562 (สีส้ม) กับค่าเฉลี่ย 30 ปี (สีเขียว) ของอำเภอเมืองสกลนคร
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide31.jpg)
ข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีอุตุนิยมวิทยาสกลนคร เปรียบเทียบระหว่าง ค่าเฉลี่ย 30 ปี (สีแดง) ปี 2561 (สีเขียว) และปี 2562 (สีเหลือง)
3.ประมาณการให้น้ำชลประทานเสริมน้ำฝน (supplemental Irrigation) ในช่วงการเพาะปลูกระหว่าง 29 สิงหาคม - 11 พศจิกายน 2562 รวมทั้งหมด 710 มม.
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide30.jpg)
ประมาณการน้ำชลประทานที่ใช้ตลอดช่วงการเพาะปลูก 113 วัน เท่ากับ 710 มม.
4.การจัดช่วงเวลาเพาะปลูกให้ข้างหอมมะลิเหลืออายุเพียง 113 วัน ทำให้ลำต้นเตี้ยลงและไม่มีปัญหา "ข้าวล้ม" เมื่อเปรียบเทียบกับการทดลองเมื่อปี 2559 (2016)
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide29(1).jpg)
เปรียบเทียบระหว่างข้าวหอมมะลิปี 2016 กับ ปี 2019
เหตุผลที่ใช้น้ำน้อย
1.เนื่องจากข้าวหอมมะลิเป็นพันธ์ุที่ไวต่อช่วงแสง (photosensitive variety) จะตั้งท้อง (booting) ได้ก็ต่อเมื่อถึงช่วงปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ที่เรียกว่า "ศารทวิษุวัต" (autumnal equinox) กลางวันเท่ากับกลางคืนในฤดูใบไม้ร่วง จึงสามารถที่จะกำหนดให้มีอายุสั้นลงเหลือเพียง 113 วัน โดยเริ่มต้นเพาะเมล็ดให้งอกในวันที่ 1 สิงหาคม 2562 และเก็บเกี่ยววันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ทำให้มีช่วงการให้น้ำชลประทานน้อยลงกว่าข้าวหอมมะลิทั่วไปที่เริ่มอายุตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนซึ่งมีอายุ 150 วัน
2.เมื่อกำจัดวัชพืชหมดแล้ว ให้ชลประทานน้ำเพียง 50 มม. ทุกๆ 8 - 10 วัน โดยไม่ต้องให้มีน้ำขังตลอดเวลา เฉลี่ยแล้วตกวันละ 5 - 6 มม.
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide31(1).jpg)
ข้าวหอมมะลิเป็นพันธ์ุไวต่อช่วงแสงจะตั้งท้องได้ก็ต่อเมื่อถึงช่วงปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ "ศารทวิษุวัต" (autumnal equinox) 23 กันยายน
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide32(1).jpg)
ตารางการปลูกข้าวหอมมะลิทั่วไปในภาคอีสาน มีอายุราว 150 วัน
ขอบคุณ คณะอาจารย์สาขาพืชศาสตร์ทั้งสามท่าน อจ.กุ้ง อจ.สมชาย และ อจ.นัท ที่ให้การสนับสนุนทางวิชาการอย่างแข็งขัน
ขอบคุณน้องๆนักศึกษาวิชาพืชศาสตร์ชั้นปีที่สาม คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร คือ "ปาเกียว และวิทย์" ซึ่งให้ความเอาใจใส่ ลงมือ ลงแรง อย่างจริงจัง
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide35.jpg)
อาจารย์กุ้ง อาจารย์นัท และอาจารย์สมชาย สามแรงแข็งขันของสาขาพืชศาสตร์
![](http://www.yclsakhon.com/images/sub_1578379543/Slide34.jpg)
น้องวิทย์และน้องปาเกียว นักศึกษาพืชศาสตร์ปี 3