ฤา...นโยบาย 300 บาท จะช่วยบรรเทาปัญหา “หัวดำออก หัวหงอกเลี้ยง”
นับเป็นข่าวดีที่พี่น้องแรงงานชาวสกลนครจะได้รับ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ตามนโยบายรัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทย ในความคิดของผมน่าจะส่งผลให้ชาวสกลนครส่วนหนึ่งกลับมาทำงานในท้องถิ่น จะได้ดูแลเลี้ยงดูลูกของตนเอง ให้พร้อมหน้าพร้อมตาแบบครอบครัวอบอุ่น พ่อ แม่ ลูก เพราะปัญหาสังคมในหมู่บ้านตอนนี้ทิ้งน้ำหนักไปที่ “หัวดำออก....หัวหงอกเลี้ยง” พ่อ กับแม่ในวัยทำงานให้กำเนิดลูกออกมา แล้วทิ้งให้เป็นภาระของผู้เฒ่าในฐานะตา-ยาย
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"จับประเด็นร้อน" จะเฝ้าติดตามมองผลการปฏิบัติของนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ว่าจะส่งผลในเชิง "รูปธรรม" แก่พี่น้องแรงงานในจังหวัดสกลนครหรือไม่ เพราะมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการตัดสินใจย้ายฐานการขายแรงงานกลับถิ่น




ภาพคนแก่เลี้ยงหลาน มีให้เห็นจนลานตาในหมู่บ้านต่างๆของจังหวัดสกลนคร เพราะพ่อแม่จริงๆต้องดิ้นรนไปขายแรงงานที่กรุงเทพ หรือเมืองใหญ่ๆ เพราะเงินค่าแรงที่สกลนครไม่พอกิน

ถ้ารัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทยสามารถทำให้ค่าแรงเป็น 300 บาท ทั่วประเทศ และสามารถคุมค่าครองชีพให้ถูกลง จะช่วยให้แรงงานกลับสู่ถิ่นและบรรเทาปัญหา หัวดำออก....หัวหงอกเลี้ยง เด็กๆที่โตขึ้นมากับครอบครัวที่พร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก ย่อมจะเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวม ตอนนี้คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครกำลังทำการสำรวจข้อมูลที่แท้จริงของปัญหานี้อยู่ ถ้าได้ตัวเลขที่แน่นอนจะเอามาเผยแพร่อีกครั้ง เพื่อร่วมกันหาทางแก้ไขภายใต้ยุทธศาสตร์พัฒนาทรัพยากรมนุษย์

ค่ำวันเสาร์ที่ 30 ก.ค. 2554 ณ โรงแรมดุสิต สมาชิกหอการค้าจังหวัดสกลนคร ได้เข้าร่วมเสวนาเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของจังหวัดภายใต้ผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ ค่าแรง 300 บาท ปริญญาตรี 15,000 บาท ห้างขนาดยักษ์เข้ามาเปิดกิจการในจังหวัด มีการแบ่งกลุ่มเสวนา 4 กลุ่ม เท่าที่ดูจากผลสรุปของแต่ละกลุ่มก็ยังไม่มีหมัดเด็ดแบบฟันธงอะไรออกมา แต่ในประเด็น 300 บาท มีเสียงหนักไปทางเป็นไปได้ถ้าแรงงานเหล่านั้น "มีคุณภาพสมราคา" ขนาดมีคำพูดว่า 400 บาทก็จะให้ถ้าทำงานได้จริงๆ เพราะย่อมดีกว่าจ้างคนละ 200 บาทแล้วทำงานไม่เข้าตากรรมการ
อย่างไรก็ตามคอลั่ม "จับประเด็นร้อน" พุ่งความสนใจไปที่หัวข้อ ฤาจะบรรเทาปัญหา หัวดำออก....หัวหงอกเลี้ยง ถ้าเขาเหล่านั้นหวนคืนถิ่นกลับบ้านเราเพราะได้เงินพอๆกับทำงานในกรุงเทพ หรือเมืองใหญ่อื่นๆ แถมบ้านไม่ต้องเช่า....ข้าวไม่ต้องซื้อ ถ้ารัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทยทำให้สำเร็จได้จริงๆ เด็กๆอนาคตของชาติจะเติบโตอย่างอบอุ่นมีพ่อมีแม่คอยสั่งสอนและเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้คนแก่ที่เอาตัวแทบไม่รอดอยู่แล้วต้องมานั่งเลี้ยงหลาน ส่วนพ่อแม่ที่แท้จริงก็เลี้ยงลูกด้วยเงินที่ส่งมาให้ตา-ยาย
ผลการประเมินแบบไม่เป็นทางการ ใน พ.ศ.2558
ผมใช้ตัวชี้วัดง่ายๆคือ ดูจากวันหยุดยาวของเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ลูกหลานที่ไปขายแรงงานในกรุงเทพและเมืองไกลๆ เช่น ภูเก็ต พัทยา ชลบุรี ต่างก็กลับมาเยี่ยมบ้านอย่างหนาแน่นจนถนนมิตรภาพขาขึ้นแทบขยับตัวไม่ได้ และพอถึงวันสุดท้ายเขาเหล่านั้นก็แห่กันกลับไปกรุงเทพเหมือนเดิม ผมเข้าไปถามคนแก่ๆในหมู่บ้านแบบสุ่มตัวอย่างคร่าวๆ ไม่พบว่าลูกหลานคนไหนกลับมาอยู่ที่บ้านมีแต่มาชวนเด็กวัยรุ่นไปทำงานด้วยกันอีก ทั้งๆที่ค่าแรงกรุงเทพกับที่นี่ก็ 300 บาทเท่ากัน และยังเห็นว่าจะขอเพิ่มเป็น 360 บาท ดังนั้นอาจพอสรุปเบื้องต้นได้ว่า "ค่าแรงเท่ากัน" ไม่น่าจะช่วยให้แรงงานเหล่านั้นกลับมาทำงานในบ้านตัวเอง คงต้องมีเงื่อนไขอะไรที่มากกว่านั้น ..... ผมคงจะต้องไปคุยกับอาจารย์คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่ต้องการทำวิจัยเพื่อเพิ่มคุณวุฒิเป็น ผศ. และ รศ. ให้ใช้ปัญหานี้เป็นโจทย์ในการทำวิจัย