ปฏิทินดาราศาสตร์ รับพลังจักรวาลแห่งนครหนองหารหลวง พฤศจิกายน 2568 - ตุลาคม 2569
.jpeg)
นครหนองหารหลวง หรือ สกลนครโบราณ เป็นเมืองเดียวในประเทศไทยที่มีโบราณสถานและแลนด์มาร์คธรรมชาติสอดคล้องกับปรากฏการณ์สำคัญทางดาราศาสตร์ครบถ้วนทุกๆเดือน ......ไล่ตั้งแต่ วสันตวิษุวัต (spring or vernal equinox 21 March) มหาสงกรานต์ (Maha Songkran 14 - 16 April) ครีษมายัน (summer solstice 21 June) ศารทวิษุวัต (fall or autumnal equinox 23 Sep) และ เห-มา-ยัน (winter solstice 21 Dec) แถมทุกๆเดือนราวขึ้น 14 - 15 ค่ำ เกิดปรากฏการณ์สุริยันจันทรา อาทิตย์อัสดงและพระจันทร์เต็มดวงอยู่ในระนาบเดียวกัน

พลังจักรวาล คือ อะไร?
ปัจจุบัน วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายกลไกการเชื่อมโยงระหว่าง "ดาราศาสตร์กับพลังงานชีวภาพในร่างกายของมนุษย์" แต่ถ้าพิจารณาด้วยหลักตรรกวิทยา ..... สิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลกใบนี้ล้วนก่อตัวขึ้นมาจากกระบวนการที่เรียกว่า "วิวัฒนาการ" อันเป็นผลพวงของระบบสุริยะ ดูง่ายๆถ้าดวงอาทิตย์หายไปไม่กลับมาส่องแสง สิ่งมีชีวิตจะเริ่มทยอยล้มตายและศูนย์พันธ์ุจนหมดสิ้นเพราะความสมดุลธรรมชาติล่มสลาย ขาดอากาศหายใจ ขาดน้ำ ขาดอาหาร ตามด้วยภัยพิบัติที่รุนแรง เป็นที่ยอมรับว่าความรู้ปัจจุบันยังไม่สามารถอธิบายระบบแห่งธรรมชาติได้อย่างที่เราต้องการ ตัวอย่างกลไกการทำงานนาฬิกาชีวภาพของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลซึ่งต้องใช้พลังงานจาก Mitochondria ที่อยู่ใน Cytoplasm ของ Cells นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าเกิดจากปฏิกริยาทาง "เคมีชีวะของสารอาหาร" (Biochemistry process of nutrients) แต่คำถามคือสารอาหารเป็นแร่ธาตุหลายชนิด ..... มันจะวิ่งเข้ามาผสมกันและทำปฏิกริยากันอย่างไร? ถ้าไม่มีอะไรมาเป็นตัวกระตุ้น ..... ? สักวันหนึ่งข้างหน้าวิชา Quantum Physic ที่ศึกษาเจาะลึกพฤติกรรมของสะสารในระดับอะตอมน่าจะมีคำตอบ .....
เราๆท่านๆคงไม่ต้องรอคอยวันนั้น มารับพลังจักรวาลกันดีกว่า ท่านสุริยะเทพ และท่านจันทรเทพ ไม่เคยส่งบิลมาเก็บสะตังค์แม้แต่บาทเดียว ....... เป็นพลังงานฟรีที่ไม่ต้องใช้บัตรเติมเงิน
ปัจจุบันความรู้ด้าน Quantum Physic ยังไม่สามารถอธิบายการเชื่อมโยงระหว่างพลังจักรวาล (cosmic energy) กับ กระบวนการสร้างพลังงานของ Mitochondria ที่อยู่ใน Cytoplasm ของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ เราคงต้องรอความก้าวหน้าของศาสตร์นี้ต่อไป ..... ครั้งอดีตกาลราว 5,000 ปีที่แล้วชาวสุเมเรี่ยนมีจารึกที่กล่าวถึงการถ่ายทอดพันธุกรรมทางสายเลือด และไม่นานมานี้ คศ.1869 หรือ พศ.2412 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่ากลไกดังกล่าวคือ DNA หลังจากนั้นมีการค้นพบเพิ่มเติมว่า Mitochondria ก็มี DNA เมื่อ ปี คศ.1963 หรือ พศ.2506 ..... แสดงว่าองค์ความรู้ของมนุษย์ยังคงต้องรอการพัฒนาอีกมากในการที่จะเข้าใจถึงกลไกอันซับซ้อนระหว่างพลังจักรวาลกับร่างกายของเรา

.jpeg)
ชาวจีนตั้งแต่ครั้งโบราณนับพันปีมีความเชื่อมั่นใน "หยิน หยาง" หรือความสมดุลของธรรมชาติที่มองเห็นด้วยตาและสัมผัสอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นั่นคือ "สุริยันจันทรา" ....... ดังนั้น การรับพลังจากสุริยันและจันทรา จึงเป็นสัจธรรมแห่งชีวิตที่เราๆท่านๆสามารถสัมผัสได้ด้วยตนเอง
ชมรมอารยธรรมสกลนคร จัดทำปฏิทินดาราศาสตร์ครบ 12 เดือน ตั้งแต่ พฤศจิกายน 2568 - ตุลาคม 2569 เราๆท่านๆสามารถเลือกใช้ได้ตามอัธยาศัยสะดวกตอนไหนมาตอนนั้น
พฤศจิกายน 2568
4 พย. รับพลังสุริยันจันทรา .... ภูผาขาม + 360 m จากระดับน้ำทะเล บ้านห้วยยาง ต.เหล่าโพนค้อ อ.โคกศรีสุพรรณ


4 พย รับพลังสุริยันจันทรา สระพังทอง (บารายขอมโบราณ) เขตเทศบาลนครสกลนคร อนึ่ง "บาราย" เปรียบเหมือนทะเลศักดิ์สิทธิ์คู่กับปราสาท ปัจจุบันถูกตั้งชื่อใหม่ว่า "สระพังทอง" และโบราณสถานซึ่งเคยเป็น "ปราสาทประธาน" ของเมืองสกลในยุคขอมเรืองอำนาจ ก็ถูกตั้งชื่อใหม่ว่า "พระธาตุเชิงชุม" ตามอิทธิพลของภาษาล้านช้าง

.jpeg)
สถานที่รับพลังสุริยันจันทราในตัวเมืองสกลนครที่สะดวกอีกแห่งคือ ปลายคูเมืองโบราณ (คูสุด) .... คำว่า "คูสุด" เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกถนนปัจจุบันทางด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองซึ่งยื่นลงไปในทะเลสาบหนองหารมีความยาวประมาณ 980 เมตรและไปสิ้นสุดอยู่แค่นั้น ..... ความเป็นจริงตามหลักฐานโบราณคดีถนนสายนี้เดิมเป็น "คูเมืองโบราณ" ในยุคขอมเรืองอำนาจเกิดขึ้นพร้อมๆกับการสร้างเมืองในรัชสมัยพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 1 ราว พศ.1545 - 1593 (คศ.1002 - 1050) คูเมืองมีรูปร่างสี่เหลี่ยมประมาณ 1,500 เมตร x 1,500 เมตร (ภาพถ่ายทางอากาศ พศ.2489) ปัจจุบันถูกดัดแปลงเป็นบ้านเรือน อาคารพาณิชย์ และถนนในตัวเมืองจนมองไม่เห็นร่องรอยของอดีตกาล
ปี พศ.2535 กรมธนารักษ์ได้ทำแผนที่ระวางมาตรส่วน 1:4000 แสดงเขตคูเมืองโบราณเพื่อให้เป็นหลักฐานว่าครั้งหนึ่งราวพันปีที่แล้วเมืองแห่งนี้มีลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยมตามแบบฉบับการสร้างเมืองในยุคขอมเรืองอำนาจ
ภาพถ่ายทางอากาศ พศ.2489 มองเห็นตัวเมืองสกลนครเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีคูเมืองล้อมรอบสี่ด้าน
.jpeg)
ภาพถ่ายทางอากาศ พศ.2497 ยังมองเห็นคูเมืองด้านทิศตะวันออกในทะเลสาบหนองหาร อนึ่ง สาเหตุที่คูเมืองโบราณมีน้ำท่วมจนเกือบมิดเนื่องจากมีการสร้างประตูน้ำที่บริเวณน้ำก่ำในยุครัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ระดับน้ำในหนองหารยกตัวขึ้นจากที่เคยปรากฏในธรรมชาติ
.jpeg)
เปรียบเทียบภาพถ่าย ปี พศ.2489 กับ พศ.2497 เห็นชัดเจนว่าระดับน้ำในทะเลสาบหนองหารยกตัวขึ้นจนท่วมคูเมืองด้านทิศตะวันออก
.jpeg)
ภาพถ่ายดาวเทียม Google มองเห็นตัวเมืองสกลในปัจจุบันเหลือร่องรอย "คูเมืองโบราณ" เพียงถนนที่ชาวบ้านเรียกว่า "คูสุด" ซึ่งสามารถใช้เป็นจุด Viewing Point ปรากฏการณ์ "สุริยันจันทรา"
.jpeg)
แผนที่ระวางมาตราส่วน 1:4,000 จัดทำโดยกรมธนารักษ์ ปี 2535 แสดงขอบเขต "คูเมืองโบราณ" (สีเขียว คือ บริเวณที่มีเอกสารสิทธิ์ สีส้ม คือส่วนที่ยังคงเป็นที่ดินของราชการ)
คำอธิบายที่มาของตัวเมืองสกลนครแต่ครั้งโบราณในรัชสมัยพระเจ้าสุริยะวรมันที 1 พศ.1545 (คศ.1002) - พศ.1593 (คศ.1050)
.jpeg)
ปัจจุบันคูเมืองโบราณแห่งนี้ (คูสุด) เกิดจากการถมดินให้เป็นถนนยกสูงพ้นระดับน้ำและมีการพัฒนาให้เป็นสถานที่ตากอากาศและทำกิจกรรมที่เสริมสร้างสุขภาวะ
4 - 5 พฤศจิกายน 2568 รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด) ตรงกับวันลอยกระทง
.jpeg)
.jpeg)
ธันวาคม 2568
4 ธค รับพลังสุริยันจันทรา ปลายคูเมืองโบราณ (คูสุด)

19 - 30 ธันวาคม 2568 รับพลังสุริยะเทพยามเช้าตรู่ ณ สะพานขอม

21 - 22 ธค รับพลัง "ราศีพิจิก" (Scorpio) ณ สะพานขอมโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เกิดในราศีแมงป่อง ถ้ามาที่นี่ราว 05:00 น. จะมองเห็น "ดาวแมงป่อง" (Zodiac Scorpio) ขึ้นที่ขอบฟ้าตรงกับสะพานขอมด้านทิศตะวันออก

21 ธค รับพลัง "เห - มา - ยัน" ที่ปราสาทภูเพ็ก บนยอดเขา +520 m จากระดับน้ำทะเล บ.ภูเพ็ก ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม ดวงอาทิตย์ขึ้น ณ ตำแหน่งทิศใต้สุดของสัณลักษณ์บนแท่งหิน "ครรภบัตร"
19 - 31 ธค ชม Star of Bethlehem ในเทศกาลแห่ดาวที่ บ.ท่าแร่ อ.เมืองสกลนคร ดาวดวงนี้นักโบราณคดีที่ศึกษาพระคำภีร์ไบเบิ้ลฉบับ The New Testament เชื่อว่าเป็น "ดาวพฤหัส" (Jupiter) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อครั้งนั้นนักปราชญ์ 3 คน (The Three Magi) จากดินแดนทางตะวันออกมองเห็นดาวดวงนี้สว่างสดใสในราศีสิงห์ (Zodiac Leo) จึงเชื่อว่าต้องมีผู้ยิ่งใหญ่มาจุติ จึงออกเดินทางผ่านทะเลทรายตามพิกัดของดาวและในที่สุดก็ได้พบกับ "พระกุมาร" ในเพิงถ้ำเลี้ยงสัตว์ ณ ตำบลเบทเลเฮ็ม ท่านที่นับถือคาทอลิกสามารถอ่านรายละเอียดใน Google ด้วย Keyword: The 3 Magi and Jesus

.jpeg)
นักปราชญ์ 3 คน (The Three Magi) มองเห็นดาวพฤหัส (Jupiter) ขึ้นประกบกับ "ราศีสิงห์" (Zodiac Leo) และมีดาวศุกร์ (Venus) อยู่ใกล้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อของชาวโรมัน .... มีผู้ยิ่งใหญ่มาจุติและจะเป็นที่รักของมหาชน
.jpeg)
ผมสรรค์สนธิ บุณโยทยาน ได้ไปเยี่ยมเคารพถ้ำแห่งนี้ที่ตำบล Bethlehem เมื่อปี 1978 ปัจจุบันมีชื่อว่า The Church of Nativity อยู่ในประเทศปาเลสไตน์เขต West Bank
Bethlehem เมืองศักดิ์สิทธิ์สถานที่ประสูติของพระเยซู ปัจจุบันอยู่ในเขต West Bank ประเทศ Palestine
มกราคม 2569
1 มค ต้อนรับปีใหม่ด้วยพลังแห่งสุริยะ ณ สะพานขอม

2 มค รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด)

กุมภาพันธ์ 2569
1 กพ รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด)


1 กพ รับพลังสุริยันจันทรา ณ ภูผาขาม + 360 m จากระดับน้ำทะเล บ้านห้วยยาง ต.เหล่าโพนค้อ อ.โคกศรีสุพรรณ
.jpeg)
.jpeg)
มีนาคม 2569
2 มีค รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณริมหนองหาร (คูสุด) อ.เมืองสกลนคร
.jpeg)
3 มีนาคม จันทรุปราคาเต็มดวง (ราหูอมจันทร์) ชมได้ ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด) ตรงกับวัน "มาฆบูชา"

1 มีค - 8 เมษ ชมปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก ณ "ประตูมิติแห่งกาลเวลา" ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากทิศใต้ไปยังทิศเหนือผ่านกรอบประตู 39 วัน ตรงกับจำนวนรอยขีดบนผนังหินทรายที่บรรพชนยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ได้บันทึกไว้
.jpeg)

บรรพชนยุคก่อนประวัติศาสตร์ต้องมองเห็นดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านกรอบประตูและเกิดความประทับใจ
.jpeg)
นักโบราณคดีจากสำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น เป็นผู้นับรอยขีดได้ 39 แท่ง
.jpeg)
ภาพวาดบรรพชนยุคก่อนประวัติศาสตร์กำลังสลักรอยขีดลงบนผนังหิน
21 มีนาคม รับพลังสุริยะเทพ ในปรากฏการณ์ "วสันตวิษุวัต" (spring equinox) กลางวันเท่ากับกลางคืน ณ ประตูมิติแห่งกาลเวลา ภูผาขาม +360 m จากระดับน้ำทะเล บ.ห้วยยาง ต.เหล่าโพนค้อ อ.โคกศรีสุพรรณ
.jpeg)


21 มีนาคม รับพลังสุริยะในปรากฏการณ์ "วสันตวิษุวัต" (spring equinox) กลางวันเท่ากับกลางคืน ณ ปราสาทภูเพ็ก บนยอดเขา +520 m จากระดับน้ำทะเล บ.ภูเพ็ก ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม
.jpeg)


มองจากปราสาทภูเพ็กเห็นเกาะดอนสวรรค์ในทะเลสาบหนองหารเรืองแสงอาทิตย์
21 มีค รับพลังสุริยะที่ปราสาทบ้านพันนา ต.พันนา อ.สว่างแดนดิน เป็นโรงพยาบาล (อโรคยาศาล) ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราว คศ.1180 - 1220
.jpeg)
21 มีค รับพลังสุริยะ ณ ผาผักหวาน บ.ภูตะคาม ต.ท่าศิลา อ.ส่องดาว ที่มีภาพวาดยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 3,000 ปี ทำท่าทางชูมือเหมือนกับกำลังรับพลังสุริยะ เพราะภาพวาดนี้อยู่บนผนังด้านทิศตะวันออกของโขดหินขนาดใหญ่



เมษายน 2569
1 เมษ รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด) ริมหนองหาร อ.เมืองสกลนคร
.jpeg)
.jpeg)
14 - 16 เมษ รับพลัง "มหาสงกรานต์" ณ วัดพระธาตุเชิงชุม เพราะสถานที่แห่งนี้เคยเป็นปราสาทประธานของเมืองสกลโบราณที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 1 ราว คศ.1002 - 1050 ตัวเมืองถูกออกแบบให้หันหน้าตรงกับดวงอาทิตย์ในราศีเมษ (Aries) ในวันมหาสงกรานต์ ที่มุมกวาด 80 องศา (Azimuth 80) ดังนั้น ทุกสิ่งก่อสร้างในเมืองนี้รวมทั้งสระพังทอง (บารายขอมโบราณ) ต้องหันหน้าไปในทิศเดียวกันที่มุม 80 องศา
.jpeg)

ตัวเมืองสกลโบราณถูกออกแบบให้หันหน้าไปที่มุมกวาด 80 องศา (Azimuth 80) เพื่อให้ตรงกับดวงอาทิตย์ในราศีเมษ ตามหลักโหราศาสตร์เรียกว่า "มหาสงกรานต์"
ดวงอาทิตย์ยามเช้า วันที่ 14 เมษายน ที่วิหารพระธาตุเชิงชุม

ดวงอาทิตย์ในวันมหาสงกรานต์ขึ้นตรงกับประตูกลางของวิหารพระธาตุเชิงชุม (ภาพถ่าย 16 เมษายน)
.jpeg)
ดวงอาทิตย์ขึ้น ณ กึ่งกลางของสระพังทอง (บารายขอมโบราณ) ในปรากฏการณ์มหาสงกรานต์ ระหว่าง 14 - 16 เมษายน (ภาพถ่ายวันที่ 14 เมษายน)
.jpeg)
ภาพถ่ายวันที่ 15 เมษายน

พระธาตุดุม (ปราสาทขอม) ก็หันหน้าไปที่มุม 80 องศา ตรงกับดวงอาทิตย์ในวันมหาสงกรานต์
พฤษภาคม 2569
1 พค. รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด)

.jpeg)
7 - 8 พค รับพลังอาทิตย์ตรงศรีษะ ณ ปราสาทนารายณ์เจงเวง และ พระธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร
.jpeg)


30 พค. รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด)
.jpeg)
.jpeg)
มิถุนายน 2569
21 มิย รับพลังสุริยะยามเช้าตรู่ในปรากฏการณ์ "ครีษมายัน" (summer solstice) กลางวันยาวที่สุดในรอบปี ณ ปราสาทภูเพ็ก บนยอดภูเขา +520 m จากระดับน้ำทะเล บ้านภูเพ็ก ตำบลนาหัวบ่อ อำเภอพรรณานิคม สกลนคร
.jpeg)
ตอนเย็น 21 - 30 มิย รับพลัง "ครีษมายัน" (summer solstice) กลางวันยาวที่สุดในรอบปี ณ สะพานขอม อ.เมืองสกลนคร ดวงอาทิตย์หย่อนตัวลงกลางสะพานขอมด้านทิศตะวันตก
.jpeg)
.jpeg)

28 มิย รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด) ริมหนองหาร อ.เมืองสกลนคร
.jpeg)
กรกฏาคม 2569
28 กค รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด) ริมหนองหาร อ.เมืองสกลนคร

.jpeg)
สิงหาคม 2569
5 - 6 สค รับพลังในปรากฏการณ์ "อาทิตย์ตรงศรีษะ" (Sun Overhead) ณ ปราสาทนารายณ์เจงเวง และพระธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร

.jpeg)
ดวงอาทิตย์อยู่ตรงศรีษะและตั้งฉากกับพื้น (สังเกตเงาของกระถาง)

ดวงอาทิตย์ตรงศรีษะที่ปราสาทนารายณ์เจงเวง

ดวงอาทิตย์ตรงศรีษะที่พระธาตุเชิงชุม ถ้าความชื้นในอากาศเหมาะสมมีโอกาสเห็น "อาทิตย์ทรงกลด"
27 สค. รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด) ริมหนองหาร อ.เมืองสกลนคร


กันยายน 2569
2 กย. - 10 ตค. ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่าน "ประตูมิติแห่งกาลเวลา" จากทิศเหนือไปทิศใต้เป็นเวลา 39 วัน มองเห็นได้ทั้งเช้าและเย็น เป็นสัญญาณว่าฤดูหนาวจะมาถึงอีกไม่นาน

23 กย.รับพลัง "ศารทวิษุวัต" (Fall or Autumnal Equinox) กลางวันเท่ากับกลางคืน ณ ปราสาทภูเพ็ก บนยอดภูเขา +520 m จากระดับน้ำทะเล บ้านภูเพ็ก ตำบลนาหัวบ่อ อำเภอพรรณานิคม
.jpeg)
ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงกับกึ่งกลางประตูปราสาทภูเพ็ก

ดวงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ขึ้นตรงกับ "แท่งศิวะลึงค์" และแท่งหิน "ครรภบัตร"

รับพลังสุริยะยามเช้าบนปราสาทภูเพ็ก

.jpeg)
มองจากปราสาทภูเพ็กไปยังทะเลสาบหนองหารจะเห็นเกาะดอนสวรรค์เรืองแสงอย่างสวยงาม (ดวงอาทิตย์ผ่ากลางเกาะแห่งนี้)

ยามเย็นลงเรือไปจอดที่เกาะดอนสวรรค์จะมองเห็นดวงอาทิตย์หย่อนตัวลงบนยอดภูเขาภูเพ็ก

รับพลังสุริยะ ณ ปราสาทบ้านพันนา ต.พันนา อ.สว่างแดนดิน เป็นโรงพยาบาล (อโรคยาศาล) ในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
25 กย. รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด) ริมหนองหาร อ.เมืองสกลนคร
.jpeg)

ตุลาคม 2569
25 ตค. รับพลังสุริยันจันทรา ณ คูเมืองโบราณ (คูสุด) ริมหนองหาร อ.เมืองสกลนคร
.jpeg)
.jpeg)




สรุป
การรับพลังจักรวาลอาจจะฟังดูเหมือนเป็นเพียงความเชื่อ แต่เมื่อพิจารณาในเชิงตรรกะ .... ทำไมชาวจีนโบราณมีคำว่า "พลังแห่งหยิน - หยาง" ซึ่งปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่องนานนับพันๆปี สักวันหนึ่งข้างหน้าถ้านักวิชาการด้าน Quantum Physic สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่ ..... ท่านบรรพชนพันปีคงจะพูดดังๆคำเดียว ..... "ตูว่าแล้ว"
.jpeg)


.jpeg)