รายงานผลการวิจัยเชิงปฏิบัติการ
ธนาคารน้ำใต้ดิน ..... เก็บน้ำได้จริงหรือ?
สโมสรโรตารีสกลนตร
บทนำ
หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสกลนคร ปี 2560 คุณนิวัต บุญยสิริวงษ์ อดีตนายกสโมสรโรตารีสกลนคร นำคณะไปดูงานโครงการเก็บรักษาน้ำในชื่อ “ธนาคารน้ำใต้ดิน” ที่ตำบลเก่าขาม อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งนำวิธีการมาจากแนวคิดของหลวงพ่อสมาน สิริปัญโญ ที่ได้สร้างต้นแบบการเก็บรักษาน้ำไว้ใต้ดินที่วัดบุญเรืองสุวรรณาราม ตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมืองจังหวัดหนองคาย เมื่อปี 2545 ต่อมามีการร่วมมือทางวิชาการกับ อบต.เก่าขาม และสถาบันวิจัยนิเทศศาสนคุณ ทำข้อตกลงร่วมกันเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2558 เพื่อบริหารจัดการน้ำนอกเขตชลประทานในชื่อ “ธนาคารน้ำใต้ดิน” (Groundwater Bank)
ปลายปี 2560 เป็นต้นมาสโมสรโรตารีสกลนครได้เริ่มเผยแพร่แนวคิดด้วยการให้ความรู้แก่เกษตรกรและส่วนราชที่ให้ความสนใจโดยจัดหลักสูตรฝึกอบรม และทำโครงการสาธิตในพื้นที่หลายแห่งของจังหวัดสกลนครอย่างต่อเนื่อง ในการนี้สวนดงไร่ ต.วาริช อ.วาริชภูมิ สกลนคร เป็นแห่งหนึ่งที่เริ่มทำโครงการธนาคารน้ำใต้ดินตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ควบคู่กับการปลูกป่าเศรษฐกิจครอบครัวเนื้อที่ 4 ไร่ โดยนายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน อดีตนายกสโมสรโรตารีสกลนครซึ่งเป็นเจ้าของสวนแห่งนี้มีความเห็นว่าควรติดตามผลอย่างใกล้ชิดเพื่อทำเป็นงานวิจัยตามหลักวิชาการเพื่อเผยแพร่แก่สโมสรโรตารีต่างๆตลอดจนผู้สนใจทั่วไป
อนึ่ง การบริหารจัดการน้ำในรูปแบบธนาคารน้ำใต้ดินยังคงมีข้อถกเถียงจากหลายฝ่ายว่า “สามารถเก็บน้ำได้จริงหรือ” จึงเป็นที่มาของการวิจัยที่สวนดงไร่ ตำบลวาริช อำเภอวาริชภูมิ สกลนคร โดยการสนับสนุนงบประมาณจากสโมสรโรตารีสกลนครเมื่อปี 2561 จำนวน 10,000 บาท ทำธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิดจำนวน 5 หลุม ในพื้นที่ปลูกป่าเศรษฐกิจครอบครัว 4 ไร่ และเจ้าของสวนสมทบงบประมาณอีก 30,000 บาท ทำธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิดอีก 1 แห่ง เพื่อพิสูจน์เชิงประจักษ์ระหว่างปี 2561 ถึง 2568 ยืนยันว่าธนาคารน้ำใต้ดินมีผลต่อการเก็บน้ำได้จริง
1.ทำไมต้องสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน
สโมสรโรตารีสกลนครเป็นเครือข่ายของโรตารีสากล (Rotary International) ซึ่งทำหน้าที่องค์กรสาธารณะประโยชน์ มีเป้าหมาย 7 ประการ
หนึ่งในนั้นได้แก่ “เสริมสร้างสิ่งแวดล้อม” (Supporting The Environment) ดังนั้นการอนุรักษ์น้ำด้วยธนาคารน้ำใต้ดินจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่สนับสนุนเป้าหมายนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่นอกเขตชลประทาน ประชาชนต้องอาศัยน้ำฝนและแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อการอุปโภคบริโภคและประกอบอาชีพเกษตรกรรม ตามข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าในแต่ละปีจังหวัดสกลนครมีปริมาณน้ำฝนประมาณ 1,600 มม. หมายถึงพื้นที่ 1 ตารางเมตร มีน้ำฝนตกลงมา 1,600 ลิตร หรือ 2,560 คิวบิกเมตร ต่อพื้นที่ 1 ไร่ (1,600 ตารางเมตร)
จังหวัดสกลนครมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปี ประมาณ 1,600 มม.
ในพื้นที่ 1 ไร่ ที่จังหวัดสกลนครได้รับน้ำฝน 2,560 คิวบิกเมตร ต่อ ปี
2. ธนาคารน้ำใต้ดินคืออะไร
เป็นวิธีดักเก็บน้ำฝนเพื่อส่งลงไปเก็บใต้ดินในชั้นหินอุ้มน้ำ (water bearing rock) หรือบริเวณชั้นใต้ดินที่สามารถอุ้มน้ำ (permeable zone) เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำรองไว้ใช้ในยามฝนทิ้งช่วงและในฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน ธนาคารน้ำใต้ดินแบ่งออกเป็น 2 ระบบ
1.ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด (close system groundwater bank) ลักษณะเป็นหลุมดักน้ำที่ขุดลงไปในดินและใช้วัสดุคงสภาพ เช่น หินขนาดต่างๆใส่ลงไปในหลุมโดยมีท่อระบายอากาศโผล่ขึ้นมาที่ปากหลุมเพื่อช่วยให้น้ำซึมลงใต้ดินได้สะดวก

2.ธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิด (open system groundwater bank) จริงๆเป็นสระน้ำในไร่นา (farm pond) แต่มีการเพิ่มหลุมส่งน้ำ (borehole) ให้ลงไปถึงชั้นดินหรือชั้นหินอุ้มน้ำ (permeable zone)
3. ธนาคารน้ำใต้ดินมีความเหมือนหรือความต่างกับน้ำบาดาลอย่างไร
ธนาคารน้ำใต้ดินเหมือนกับบ่อน้ำบาดาลตรงที่มีน้ำเก็บไว้ใต้ดินเพื่อนำขึ้นมาใช้งานตามวัตถุประสงค์ต่างๆ อย่างไรก็ตามมีข้อแตกต่างที่ชัดเจนกล่าวคือ
1.ธนาคารน้ำใต้ดินเป็นการเก็บน้ำในระดับตื้น (shallow well) เหมือนที่ชาวบ้านในภาคอีสานเรียกว่า “บ่อน้ำส้าง” หรือ “บ่อตอก” แต่บ่อน้ำบาดาลเป็นแหล่งน้ำที่อยู่ลึกมาก (deep well) ต้องให้ส่วนราชการ เช่น กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเข้ามาดำเนินการหรือว่าจ้างเอกชนที่ประกอบอาชีพนี้นำเครื่องมือมาเจาะทะลุชั้นหินลงไปหลายสิบเมตร และการจะนำขึ้นมาใช้งานก็ต้องอาศัยเครื่องสูบน้ำชนิดดูดน้ำลึก (submersible pump หรือ venturi pump) เท่านั้น
2.ธนาคารน้ำใต้ดินสามารถเติมน้ำลงไปเก็บให้เต็มศักยภาพภายในเวลา 2 - 5 ปี ด้วยระบบปิดและระบบเปิดที่ชาวบ้านสามารถทำเองในระดับท้องถิ่น แต่บ่อน้ำบาดาลต้องใช้เวลานับพันปีในการเติมน้ำให้เต็มตามศักยะภาพด้วยขบวนการทางธรรมชาติ หรือต้องใช้เทคโนโลยีเติมน้ำระดับลึก (artificial recharge of groundwater aquifer) โดยมีเครื่องมือชนิดพิเศษประกอบด้วยสระเก็บน้ำ ระบบกรองน้ำ เครื่องสูบน้ำ และท่อส่งน้ำระดับลึก ดังตัวอย่างที่ประเทศอิสราเอล
4. รูปแบบงานวิจัยธนาคารน้ำใต้ดินที่สวนดงไร่ อ.วาริชภูมิ สกลนคร
1. ปี 2561 สร้างธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด (close system groundwater bank)จำนวน 5 หลุม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 เมตร ลึก 2 เมตร และปี 2564 สร้างเพิ่มอีก 2 หลุม รวมทั้งสิ้น 7 หลุม ในพื้นที่ป่าเศรษฐกิจครอบครัวเนื้อที่ 4 ไร่



2.สร้างธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิด (open system groundwater bank) เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ในลักษณะสระเก็บน้ำ (farm pond) ขนาด 20 เมตร x 20 เมตร ลึก 7 เมตร โดยมีหลุมส่งน้ำลงใต้ดินขนาด 2 เมตร x 2 เมตร ลึก 2 เมตร



การขุดหลุมส่งน้ำลงใต้ดินที่ก้นสระ (borehole) ต้องให้ลึกถึงชั้นดินอุ้มน้ำ
สังเกตได้จากมีน้ำซึมออกมาที่ก้นหลุม

เมื่อปล่อยไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ จะมีน้ำซึมออกมาที่ก้นหลุมซึ่งแสดงถึงระดับน้ำ ใต้ดินตามปกติในธรรมชาติ (natural water table) ของพื้นที่แห่งนี้ ภาพถ่ายเดือน มีนาคม 2563
5.ผลการวิจัย
เนื่องจากเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการจึงเน้นที่ผลงานเชิงประจักษ์ 2 ประการ
1.การวัดระดับน้ำใต้ดิน (water table) ด้วยภาพถ่ายของธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิดในช่วงฤดูแล้งราวเดือนมีนาคมและเมษายน เนื่องจากระบบนี้ทำหน้าที่เสมือน “บ่อน้ำตื้น” (shallow well) สามารถชี้ว่าระดับน้ำใต้ดินอยู่ที่ระดับไหนโดยวัดจากระดับดินเดิม ธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิดแห่งนี้ก่อสร้างปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีรูปลักษณ์เหมือนสระน้ำทั่วไปเพียงแต่ “ขุดหลุมส่งน้ำลงใต้ดิน” (borehole) ให้ถึงชั้นอุ้มน้ำ
ถ้ามีน้ำใต้ดินซึมออกมาแสดงว่าการขุดหลุมส่งน้ำลง ใต้ดิน (borehole) ได้เจาะลงไปถึงชั้นดินอุ้มน้ำ (permeable zone)
เมื่อก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วให้รอจนกว่าระดับน้ำใต้ดินจะทรงตัว และนี่คือระดับน้ำใต้ดิน ณ จุดเริ่มต้นของานวิจัย ในที่นี้วัดความลึกได้ 7 เมตร (ภาพถ่ายในเดือนมีนาคม 2563)
ระดับความลึกของน้ำในเดือนมีนาคม 2563 เท่ากับระดับน้ำใต้ดิน (water table) ในจุดเริ่มต้นของการทำวิจัย ในที่นี้ความลึกจากระดับดินเดิมลงไป 7 เมตร
เริ่มเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนจนเต็มสระ (ภาพถ่ายเดือนกันยายน)
โดยธรรมชาติของธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิดก็ไม่ต่างจากสระน้ำที่ขุดใหม่กล่าวคือจะมีน้ำเต็มในปลายฤดูฝนและลดระดับลงตามลำดับในฤดูแล้ง
วัดระดับน้ำเมื่อถึงฤดูแล้งเดือนมีนาคม 2564 ได้ความลึก 6.80 เมตร แสดงว่าเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2563 ราว 0.20 เมตร
ระดับน้ำใต้ดิน (water table) เดือนมีนาคม 2566 มีความลึก 4.20 เมตร แสดงว่าเพิ่มขึ้น 2.80 เมตร เทียบกับข้อมูล ณ จุดเริ่มต้นเมื่อมีนาคม 2563 ซึ่งลึก 7 เมตร
การเก็บข้อมูลล่าสุดเดือนมีนาคม 2558 พบว่าระดับน้ำใต้ดิน (water table) อยู่ที่ 3.80 เมตร แสดงว่าเพิ่มขึ้นจากจุดเริ่มต้นเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ประมาณ 3.20 เมตร
ประมวลผลเป็นกร๊าฟพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี ระหว่าง 2563 – 2568 ธนาคารน้ำใต้ดินสามารถยกระดับน้ำใต้ดินจากลึก 7 เมตร ขึ้นมาเป็นลึก 3.80 เมตร (เดือนมีนาคม 2565 และมีนาคม 2567 ไม่มีข้อมูล เพราะอยู่ต่างประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว) ข้อสังเกตจากกร๊าฟทำให้เห็นว่าระดับน้ำใต้ดินในช่วงปีแรกๆยังเพิ่มไม่มากนัก กล่าวคือมีนาคม 2563 กับ มีนาคม 2564 เพิ่มขึ้นมาเพียง 0.20 เมตร แต่เมื่อล่วงไป 2 ปี ระดับน้ำใต้ดินเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 6.80 เมตร ขึ้นไปถึง 4.20 เมตร และ 3.80 เมตร ในปี 2568 คาดว่าปี 2569 น่าจะขึ้นไปถึง 3.40 เมตร ซึ่งจะมีผลดีต่อป่าเศรษฐกิจครอบครัวและพืชแซมชนิดต่างๆ
2.การเก็บข้อมูลเชิงประจักษ์กับสภาพป่าเศรษฐกิจครอบครัวที่เริ่มปลูกเดือนมิถุนายน 2561 และการปลูกพืชแซมในป่า
ภาพถ่ายมุมเดียวกันหลังจากการปลูกไม้ป่า 3 ปี 5 เดือน
การเติบโตของต้นพยูงในระยะ 1 ปี 8 เดือน
(13 เมษายน 2563 – 20 พฤศจิกายน 2564)
ธนาคารน้ำใต้ดินช่วยให้ต้นไม้โตเร็วในเวลา เพียง 3 ปี 7 เดือน
ไม้ป่าในฤดูฝนกับฤดูแล้งไม่ต่างกันมากนักเพราะมีความชุ่มชื้นจากน้ำใต้ดิน
เดือนพฤษภาคม 2567 ปลูก “ผักคอนแคน” เป็นพืชผักพื้นเมืองที่มีมูลค่าสูงเมื่อผ่านไป 1 ฤดูแล้ง พบว่าเจริญเติบโตได้ดีไม่แสดงอาการเหี่ยวเฉา
ไม้ป่าได้รับน้ำจากใต้ดินด้วยกระบวนการ “ไส้ตะเกียง” Capillary Action)
ไดอะแกรมแสดงการให้น้ำแก่ต้นไม้ด้วยกระบวนการไส้ตะเกียง (Capillary Action)
สรุป
1.ธนาคารน้ำใต้ดินทั้งสองระบบสามารถดักน้ำฝนและส่งลงไปเก็บไว้ใต้ดินเพื่อยกระดับน้ำจากความลึก 7 เมตร ในปี 2563 ขึ้นมาอยู่ที่ 3.80 เมตร ในปี 2568
2.การยกระดับน้ำใต้ดินมีผลดีโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของป่าเศรษฐกิจครอบครัว และช่วยให้การปลูกพืชแซมในลักษณะ “วนเกษตร” (agroforestry) เพื่อเพิ่มมูลค่าแก่ป่ามีความเป็นไปได้สูง
3.หากมีการขยายผลโครงการนี้ให้มากขึ้นจะก่อให้เกิดพื้นที่สีเขียวและเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของจังหวัดสกลนคร