Unseen พระธาตุเชิงชุมที่ยังไม่มีคำอธิบาย
.jpeg)
.jpeg)
เรื่องราวของพระธาตุเชิงชุมได้รับการตีพิมพ์มากมายจากเอกสารของกรมศิลปากรและสถาบันการศึกษาตลอดจนนักวิชาการอิสระ ทั้งหมดยืนยันว่าองค์พระธาตุที่เห็นในปัจจุบันเกิดจากการดัดแปลงในยุคอาณาจักรล้านช้างด้วยการก่อสร้าง "เจดีย์ศิลปะล้านช้างครอบปราสาทขอม" อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาอย่างละเอียดพบว่ามีอะไรบางอย่างที่น่าสงสัย 2 ประการ
1.ทำไมปราสาทสาทขอมหลังนี้ "ไม่มีภาพแกะสลัก" ดังเช่นปราสาทขอมทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ "ทับหลัง" ของประตู
2.ท่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาฮินดูที่เรียกว่า "โสมสูตร" หายไปไหน ทั้งๆที่มีวัตถุพยานคือ "ฐานโยนี" ซึ่งเป็นอุปกรณ์ส่วนควบ
จึงขอนำประเด็นทั้งสองมาเปิดเผยให้ช่วยกันค้นคว้าต่อไป
1.ไม่มีภาพสลัก ชมรมอารยธรรมสกลนครได้สำรวจปราสาทหลังนี้อย่างละเอียด พบว่าทับหลัง หน้าจั่ว และขอบประตูมีแต่ความว่างเปล่าไร้ภาพสลักตามมาตรฐานของปราสาทขอมทั่วไป เมื่อเปรียบเทียบกับปราสาทนารายณ์เจงเวงที่เต็มไปด้วยภาพสลักมากมายบนหน้าจั่ว ทับหลัง และขอบธรณีประตู นับเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นสำหรับปราสาทประธานของเมือง
ทับหลังหินทรายของปราสาทเชิงชุมยังคงว่างเปล่าไร้ร่องรอยแกะสลัก มีเพียงลายปูนฉาบในยุคล้านช้าง และการปิดทองในปัจจุบัน
ทับหลังและหน้าจั่วด้านทิศตะวันออกของปราสาทเชิงชุมที่ยังคงว่างเปล่า เปรียบเทียบกับปราสาทนารายณ์เจงเวงที่เต็มไปด้วยการแกะสลักลวดลายต่างๆตามความเชื่อในศาสนาฮินดู
ซูมเข้าไปที่ทับหลังและขอบประตูก็ไม่เห็นการแกะสลัก
ทับหลังด้านทิศเหนือของประตูหลอกก็ไม่มีลวดลาย
ซูมเข้าไปก็ไม่เห็นร่องรอยแกะสลักมีเพียงการปิดทองในยุคปัจจุบัน
เปรียบเทียบประตูหลอกด้านทิศเหนือระหว่างปราสาทเชิงชุมกับปราสาทนารายณ์เจงเวง ต่างกันอย่างชัดเจน ขอบประตูและทับหลังของปราสาทเชิงชุม "ว่างเปล่า" ไม่มีลวดลายอะไรเลย แถมยังมีพระพุทธรูปที่ดูคล้ายศิลปะ "ทวารวดี" มาประดิษฐานอยู่ตรงนี้
ปราสาทตาควาย บนเขาพนมดงรัก และปราสาทปรางค์ ที่โคราช ก็ไร้ร่องรอยแกะสลัก
2.ท่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ ท่อโสมสูตรหายไปไหน
ปราสาทเชิงชุมปัจจุบันมีภาพลักษณ์เป็น "พระธาตุ" ศิลปะล้านช้าง มองเผินๆแทบไม่ทราบว่าสิ่งก่อสร้างข้างในเป็นปราสาทขอมโบราณ เมื่อเอาข้อมูลเทียบเคียงของปราสาทขอมในจังหวัดสกลนคร ได้แก่ ปราสาทนารายณ์เจงเวง และปราสาทภูเพ็ก มาดูจะเห็นชัดเจนว่ามี "ท่อโสมสูตร" อยู่ทางด้านทิศเหนือตามสเป็กมาตรฐานของปราสาทขอมทั่วไป
เหตุผลที่เชื่อว่าปราสาทหรือพระธาตุเชิงชุมต้องมีท่อโสมสูตร เพราะพบวัตถุพยานที่เรียกว่า "ฐานโยนี" ซึ่งตามหลักวิชาการถือว่าเป็น "อุปกรณ์ส่วนควบ" หลักฐานทำนองนี้พนักงานสอบสวนสามารถทำสำนวนเสนอศาลเพื่อออกหมายค้นได้ เช่น การพบปลอกกระสุนที่ผ่านการยิงโดยมีคราบเขม่าติดอยู่ก็เชื่อได้ว่าต้องมีการใช้ปืนขนาดลำกล้องอะไร
ปราสาทนารายณ์เจงเวง อ.เมืองสกลนคร ยังคงปรากฏ "ท่อโสมสูตร" ทางด้านทิศเหนือขององค์ปรางค์ ปราสาทขอมหลังนี้ไม่ได้ถูกดัดแปลงในยุคล้านช้างแต่มีการเปลี่ยนชื่อจาก "ปราสาท เป็น พระธาตุ"
ปราสาทภูเพ็ก บนยอดภูเขา +520 ม. ที่ตำบลนาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม สกลนคร ก็มีท่อโสมสูตรที่ผนังด้านทิศเหนืองขององค์ปรางค์
ปราสาทเชิงชุมถูกดัดแปลงเป็น "พระธาตุ" ศิลปะล้านช้างจนมองไม่เห็นท่อโสมสูตรที่น่าจะอยู่ทางทิศเหนือ
ภาพถ่ายฐานโยนีที่หน้าประตูวัดพระธาตุเชิงชุม (20 กันยายน พ.ศ. 2546) ขณะที่พบเต็มไปด้วยก้นบุหรี่ เลยต้องไปกราบเรียนท่านเจ้าอาวาสว่านี่คือโบราณวัตถุยุคขอมโบราณไม่ควรเอามาตั้งแบบนี้เพราะผู้คนอาจคิดว่าเป็นเขี่ยบุหรี่ได้
หลายวันต่อมาพบว่าถูกย้ายไปใต้ต้นมะพร้าวที่หน้าประตูวัด
หลายเดือนต่อมากลายเป็นฐานรองอ่างบัว
ที่สุดของที่สุด ดร.สพสันติ์ เพชรคำ ผู้อำนวยการสถาบันภาษาศิลปะและวัฒนาธรรม ม.ราชภัฏสกลนคร ได้ทำเรื่องขออนุญาตนำฐานโยนีไปตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์เมืองสกล
พระธาตุเชิงชุม สกลนคร กับพระธาตุพนม นครพนม มีอะไรที่เหมือนกันตรงที่ถูกดัดแปลงเป็นศิลปะล้านช้างจนมองไม่เห็นท่อโสมสูตร แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์พระธาตุล้มเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2518 กรมศิลปากรได้ว่าจ้างบริษัทอิตัลไทยให้เป็นผู้ดำเนินการบูรณะใหม่ ระหว่างการขุดเพื่อเคลียพื้นที่ได้พบ "ท่อโสมสูตร" ทำด้วยหินทรายที่ผนังด้านทิศเหนือขององค์ปรางค์ดั้งเดิมจึงบันทึกภาพและข้อมูลไว้เป็นหลักฐานตามสัญญาว่าจ้าง
ภาพถ่ายท่อโสมสูตรที่บริษัทอิตัลไทยขุดพบ ณ ผนังด้านทิศเหนือขององค์ปรางค์ดั้งเดิม
ภาพถ่ายและข้อมูลเกี่ยวกับท่อโสมสูตรอยู่ในเอกสารฉบับนี้ซึ่งจัดทำโดยกรมศิลปากร
ผลการสำรวจโบราณสถานที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ก็พบว่า "วัดศรีสวาย" เคยมีท่อโสมสูตรและฐานโยนีอยู่ในปรางค์ประธาน แต่เมื่อความเชื่อทางศาสนาถูกเปลี่ยนจากฮินดูมาเป็นพุทธนิกายเถรวาทหรือหินยาน สิ่งเหล่านี้ก็หมดความหมายและถูกดัดแปลง
วัดศรีสวายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยมีรูปร่างหน้าตาในสไตล์ขอมโบราณอย่างชัดเจน ข้อมูลของกรมศิลปากรอธิบายว่าเป็นศาสนาสถานของฮินดูที่เกี่ยวข้องกับพระศิวะ
ฐานโยนีถูกนำออกมาจากปรางค์ประธานและมาตั้งที่ลานด้านทิศตะวันออก ถือว่ายังดีที่ไม่มีการทุบทำลายหรือนำไปทิ้งที่อื่น
เห็นฐานโยนีที่วัดแห่งนี้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2549
พิจารณารายละเอียดด้านทิศเหนือของปรางค์ประธานวัดศรีสวายพบว่ามีร่องรอยการดัดแปลงท่อโสมสูตรอย่างชัดเจน
ซูมเข้าไปดูเห็นชัดเจนว่ามีการรื้อท่อโสมสูตรแล้วนำวัสดุอื่นๆมาใส่แทน "แต่ไม่เนียนเท่าที่ควร" เพราะดูยังไงก็รู้ว่าเป็นวัสดุแปลกปลอมไม่ร่วมสมัย นี่ถ้ามอบให้ผมเป็นคนทำจะนำศิลาแลงมาปิดทับให้กลมกลืนกับวัสดุเดิม
สรุป
หากพิจารณาตามหลักการของวิชาประวัติศาสตร์ ปราสาทเชิงชุมน่าจะก่อสร้างพร้อมๆกับตัวเมืองสกลโบราณ อ้างอิงตามเอกสารของกรมธนารักษ์ในคราวสำรวจรังวัดและทำแผนที่ระวาง 1:4000 ของคูเมืองโบราณ ตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2534 ระบุว่าเมืองสกลโบราณสร้างในยุคกษัตริย์ขอมพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 1 พุทธศตวรรษที่ 16
ประเด็นที่น่าวิเคราะห์ หากปราสาทหลังนี้ขึ้นรูปเสร็จแต่ยังไม่มีการแกะสลักลวดลายและสิ้นยุคของพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 1 เสียก่อน ..... เจ้าเมืองคนต่อๆมาในยุคกษัตริย์ขอมรุ่นหลังๆก็น่าจะสานงานต่อให้เสร็จสิ้นโดยแกะสลักลวดลายให้เป็นไปตามมาตรฐาน (เหมือนกับปราสาทนารายณ์เจงเวง) แต่วัตถุพยานที่เห็นในปัจจุบันปราสาทหลังนี้ยังคงว่างเปล่าไร้รูปสลัก แม้กระทั้งทับหลังก็ไม่ปรากฏภาพอะไรสักชิ้น คำถามจึงอยู่ที่ ....... เกิดอะไรขึ้น? ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 16 จนถึงพุทธศตวรรษที่ 20 ไม่มีใครรับผิดชอบให้ปราสาทประธานมีภาพสลักอย่างสมบูรณ์แบบเชียวหรือ?