ทอผ้าเส้นใยเฮ้มพ์ ...... มรดก 3,000 ปี จากบรรพชนยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ภาคอีสาน
Weaving hemp fiber cloth ....... 3,000 year heritage from prehistoric ancestors in the northeast
หลักฐานทางโบราณคดีที่พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง ยืนยันบรรพชนในอดีตอันไกลโพ้นใช้เส้นใยจากพืชพื้นเมืองที่ชื่อ "เฮ้มพ์" มาทอเป็นเครื่องนุ่งห่ม ....... สามพันปีผ่านไปเทคโนโลยีนี้หายไปกับสายลม ชาวอีสานในปัจจุบันพึ่งพาเส้นใยฝ้าย จีเอ็มโอ ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา จีน และอินเดีย มาเป็นวัตถุดิบในการทอผ้าและเปิดมิติแห่ง "ผ้าย้อมคราม" แถมเรียกอย่างโก้หรูว่า "ผ้าไทย" ถ้าไปดูข้อมูลการนำเข้าฝ้ายของเว้ปสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะเห็นตัวเลขมูลค่านำเข้าปีละร่วมหมื่นล้าน ..... ถ้าท่านบรรพชนชาวบ้านเชียงฟื้นขึ้นมาได้คงจะชี้หน้าใส่เราๆท่านๆว่า ..... ของตูข้านะผ้าไทยแท้ๆเมดอินไทยแลนด์ 100% ส่วนของสูเจ้านะนำเข้าเส้นใยมาจากต่างแดน

ถ้าทุกท่านไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง จ.อุดรธานี จะเห็นการแสดงหลักฐานการใช้เส้นใยจากพืชพื้นเมืองที่ชื่อ "เฮ้มพ์" พร้อมด้วยอุปกรณ์การปั่นด้ายที่เรียกว่า "แวดินเผา"
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับพืชพื้นเมืองที่มีมาแต่ครั้งโบราณที่ชื่อว่า "เฮ้มพ์"
พูดตามความจริงนักโบราณคดีที่มีตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับซี 10 ก็ไม่ทราบว่าบรรพชนเมื่อ 3,000 ปีที่แล้วเรียกพืชชนิดนี้ว่าอะไร แต่เราๆท่านๆยุคปัจจุบันตั้งชื่อพืชชนิดนี้อย่างอัปมงคลว่า "กัญชง" เลยกลายเป็นน้อง "กัญชา" และถูกเหมาเข่งให้เป็นยาเสพติดอยู่นานหลายปี ในทางวิทยาศาสตร์เอ็มพ์ มีชื่อภาษาอังกฤษ Hemp และชื่อวิทยาศาสตร์ Cannabis sativa ส่วนกัญชา ชื่อภาษาอังกฤษ Marijuana ชื่อวิทยาศาสตร์ Cannabis indica ทุกวันนี้ฝรั่งเรียกเฮ้มพ์ว่า "เฮ้มพ์อุตสาหกรรม หรือ Industrail Hemp" เพราะใช้ผลิตเสื้อผ้า เครื่องใช้ต่างๆ เนื่องจากเป็นเส้นใยที่คงทนมากกว่าฝ้ายหลายเท่าอีกทั้งอายุเก็บเกี่ยวก็สั้นกว่า แถมกินน้ำน้อยและไม่ต้องใช้สารเคมี อีกทั้งสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไชด์ได้ดีมาก จนได้ชื่อว่า Carbon Negative Plant หมายถึงดูดซับคาร์บอนระหว่างที่เป็นพืชได้มากกว่าการปลดปล่อยคาร์บอนในขั้นตอนการแปรรูปเป็นเสื้อผ้าและเครื่องใช้ ผู้เขียนได้ทดลองปลูกในที่ดินส่วนตัวที่ อ.วาริชภูมิ สกลนคร รวม 3 ครั้ง พบว่าเจริญงอกงามได้ดีมาก
แปลงทดลองปลูกเฮ้มพ์ด้วยระบบน้ำหยด ที่สวนดงไร่ อ.วาริชภูมิ สกลนคร

สามารถเจริญเติบโตได้เร็วมากสมกับเป็นพืชพื้นเมือง และไม่พบการทำลายของศัตรูพืชจึงไม่ต้องใช้สารเคมี

เฮ้มพ์มีทั้งต้นตัวผู้และต้นตัวเมียสามารถผสมพันธ์ุเพื่อออกดอกและผลิตเมล็ดพันธ์ุ

พืชชนิดนี้มีความเกี่ยวข้องกับ "ความยาวของแสงอาทิตย์" ภาษาวิชาการเรียกว่า "พืชที่ไวต่อช่วงแสง" แปลตรงตัวมาจากภาษาอังกฤษ Photosensitive Plant หมายถึงถ้าปลูกในช่วงฤดูหนาวที่กลางวันสั้นกว่ากลางคืน (short day) จะถูกกระตุ้นให้ออกดอกเพื่อผลิตเมล็ดพันธ์ุ แต่ถ้าปลูกในฤดูฝนเป็นช่วงกลางวันยาวกว่ากลางคืน (long day) จะไม่ออกดอกแต่สามารถเก็บเกี่ยวไปทำเส้นใย

เส้นใยเฮ้มพ์อยู่ที่เปลือก (Bast) ส่วนก้าน (Hurd) ใช้ทำวัสดุเครื่องใช้หลายชนิด เช่น กล่องใส่อาหารทดแทนโฟม ถ้วยกาแฟ ฯลฯ ที่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ ที่ประเทศอเมริกามีอุตสาหกรรมเส้นใยเฮ้มพ์ขนาดใหญ่จึงมีก้าน (Hurd) เหลือมากมาย เอาไปทำวัสดุก่อสร้างทดแทนคอนกรีต เพราะมีความทนทานและเป็นฉนวนชั้นเยี่ยมเหมาะสำหรับภูมิอากาศหนาวจัดและร้อนจัด
หลักฐานทางโบราณคดีที่พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง
เดินทางไปชมหลักฐานการทอผ้าของบรรพชนยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านเชียง ได้พบวัตถุพยานและเอกสารของกรมศิลปากรที่น่าสนใจ ดังนี้ ครับท่าน

แสดงการทอผ้าในยุคโบราณด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ

คำอธิบายเรื่องของการทอผ้าในยุคนั้น
โบราณวัตถุส่วนหนึ่งที่ตั้งแสดงเป็นเครื่อประดับที่เรียกว่ากำไลข้อมือและวัสดุอีกชิ้นไม่ทราบว่าคือเครื่องอะไรทั้งคู่มีเศษผ้าติดอยู่

ภาพขยายของโบราณวัตถุที่กล่าวถึงว่ามีเศษผ้าติดอยู่

ภาพขยายทำให้มองเห็นว่าเป็นเศษผ้า

อีกภาพเป็นโบราณวัตถุทำด้วยดินเผาเรียกว่า "แว สำหรับปั่นด้าย" ตั้งแสดงคู่กับกำไลข้อมือที่มีเศษผ้าติดอยู่

เจ้าหน้าที่อธิบายว่ากรมศิลปากรนำโบราณวัตถุที่มีเศษผ้าติดไปพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และพบว่าเป็นเส้นในพืชที่ชื่อ "เฮ้มพ์" นักวิชาการบางท่านเรียกว่า "ป่านกัญชา"
หนึ่งในรายงานผลการวิจัยของนักศึกษาปริญญาโทของกรมศิลปากร

งานวิจัยยืนยันว่าเศษผ้าที่พบคือเส้นใยเฮ้ม หรือเส้นใยป่านกัญชา หรือปัจจุบันเรียกว่า "กัญชง"

รูปร่างหน้าตาของอุปกรณ์ "แว" ใช้ปั่นเส้นใยให้เป็นด้ายพร้อมที่จะนำไปทอผ้า

คำอธิบายว่า "แว" คืออะไร

ภาพสาธิตการปั่นด้ายด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า "แว"

หนังสือพิมพ์ Bangkok Post วันที่ 26 ตุลาคม ปี ค.ศ.2014 ลงข่างว่าพิพิธภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกาส่งคืนโบราณวัตถุให้ประเทศไทย

ผลการตรวจสอบโบราณวัตถุเหล่านั้นพบว่าบางชิ้นมีเศษผ้าติดอยู่ นั่นคือ "เฮ้มพ์" (Hemp) แต่ไม่พบเศษเส้นใยไหม

รายงานทางวิชาการของนักโบราณคดียืนยันว่าเศษผ้าที่ติดอยู่บนเครื่อประดับยุคบ้านเชียงคือ "เฮ้มพ์"

เว้ปไซด์นี้ก็ยืนยันว่าเฮ้มพ์ (Hemp: Cannabis sativa) เป็นพื้ชพื้นเมืองที่ให้เส้นใยในบริเวณแหลมอินโดจีนมานานห้าพันปี ภาษาอังกฤษใช้คำว่า "เส้นใยก่อนประวัติศาสตร์" (Prehistoric Textiles)
ฟื้นอดีต 3,000 ปี ด้วยแฟชั่นปัจจุบัน
ผมสรรค์สนธิ บุณโยทยาน นักพิภพวิทยา ประธานชมรมอารยธรรมสกลนคร อาจารย์แอ้ว ม.ราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร น้องอ๊อฟ ผู้เชี่ยวชาญการปลูกเฮ้มพ์อยู่ที่บ้านฝั่งแดง ต.ไฮหย่อง อ.พังโคน สกลนคร และคุณนกน้อย นักออกแบบเสื้อผ้า อ.เมืองสกลนคร เราทุกคนมีความมุ่งหวังที่จะฟื้นภูมิปัญญาของบรรพชนเพื่อสร้างมูลค่าแก่พืชพื้นเมืองที่ชื่อ "เฮ้มพ์" ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของแฟชั่นเสื้อผ้าที่มี Story Behind ย้อนหลัง 3,000 ปี

อาจารย์แอ้ว ม.ราชมงคลอีสานวิทยาเขตสกลนคร และน้องอ๊อฟ ผู้เชี่ยวชาญการปลูกเฮ้มพ์ ที่บ้านฝั่งแดง ต.ไฮหย่อง อ.พังโคน สกลนคร ทดลองสั่งเส้นใยเอ็มพ์มาจาก สปป.ลาว ย้อมครามธรรมชาติ และว่าจ้างคุณป้าหอม ผู้นำกลุ่มสตรีทอผ้า บ้านต้นผึ้ง ต.ต้นผึ้ง อ.พังโคน สกลนคร ให้ทอเป็นผ้าผืน ส่งต่อให้คุณนกน้อยผู้เชี่ยวชาญออกแบบเสื้อผ้านำไปตัดเย็บเป็นเสื้อกั๊ก
ผลงานการทอผ้าจากเส้นใยเฮ้มพ์ และตัดเย็บเป็นเสื้อกั๊กสไตล์ยีนส์

ใส่เสื้อกั๊กไปโชว์ให้ชาวอเมริกันได้ชมที่รัฐไอโอว่า และรัฐแคลิปฟอร์เนีย
สรุป
พูดง่ายๆไม่ต้องอ้อมค้อม ...... มรดกของบรรพชนที่เรียกว่าเส้นใยทอผ้าจากพืชพื้นเมือง "เฮ้มพ์" หายไปกับกาลเวลานานถึง 3,000 ปี ถึงเวลาหรือยังที่เราๆท่านๆลูกหลานอีสานจะนำสิ่งดีงามกลับมาประยุกต์อีกครั้งหนึ่ง ให้สมกับคำคุยว่า "ภูมิใจในวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่มีมาอย่างยาวนาน" ....... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "อุตสาหกรรมสิ่งทอผ้าไทย และอุตสาหกรรมกระดาษ" พืชชนิดนี้ เป็นวัตถุดิบชั้นดีเพราะสามารถเก็บเกี่ยวในเวลาเพียง 120 วัน และปลูกได้ทั้งปี ที่สำคัญเหมาะกับภูมิอากาศของภาคอีสานอย่างลงตัว ..... และยังช่วยลดโลกร้อนเพราะใช้น้ำน้อยและมีคุณสมบัติดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์อย่างดี (Carbon Negative)